SHARE
เชื่อมโยงโลกกับ “ Internet of Things” ผ่านกองทุน SCBDIGI
สวัสดีครับ เพื่อนนักลงทุนทุกท่าน กลับมาอีกแล้วกับ ผมมิสเตอร์กองทุน เพื่อนรักนักลงทุน เราจะมีความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับการลงทุนเป็นประจำทุกเดือน อย่าลืมกันนะครับ…นี่แป๊บๆ เองก็ย่างเข้าสู่เดือนที่ 5 ของปีแล้ว เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพื่อนๆ อย่าลืมวางแผนชีวิตให้ตนเองกันนะครับว่า ปีนี้อยากจะสร้างอะไรให้ตนเองกันบ้าง .. แต่สำหรับเรื่องการวางแผนสร้างความมั่นคั่งให้กับตนเองนั้น ไว้ใจมิสเตอร์กองทุนกันได้เลยครับ ….
เข้าเรื่องที่วันนี้มิสเตอร์กองทุนจะมาอัพเดทข่าวสารการลงทุนให้เพื่อนๆ ฟังกันดีกว่าครับ สังเกตกันบ้างไหมครับ ว่าผู้ประกอบการ หรือแม้กระทั่งตัวเราเองมีแนวโน้มทำกิจกรรมต่างๆ ผ่านช่องทางดิจิทัลกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรับชมความบันเทิง อัพเดทข้อมูลข่าวสาร เดี๋ยวนี้จะผ่านสื่อโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ หรือการเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ก็มีบทบาทเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของเรามีสิ่งต่างๆ รอบตัวที่เชื่อมโยงกับ Internet ตลอดเวลา จากพฤติกรรมของผู้บริโภคเหล่านี้ทำให้ธุรกิจการลงทุนในโลกดิจิตอลก็มีโอกาสเติบโตขึ้นอีกมากเช่นกันนะครับ
ในวันนี้มิสเตอร์กองทุนจึงมีเรื่องเกี่ยวกับ “ Internet of Things” หรือ IoT มาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังกันครับ ไปลองดูกันว่า Internet of Things จะเอื้ออย่างไรกับการลงทุนของเรากันบ้าง
“Internet of Things” หรือ IoT เป็นเทคโนโลยีเชื่อมต่ออุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ ผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ตครับ ยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆ ใกล้ตัวเรา อย่างเช่น การควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น ทีวี เครื่องซักผ้า หรือเครื่องทำกาแฟ และการควบคุมอุณหภูมิต่างๆ ภายในบ้าน สามารถทำผ่านโทรศัพท์มือถือได้ ซึ่งอุปกรณ์ภายในบ้านที่เชื่อมต่อกับระบบ IoT มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 1.8 พันล้านเครื่องทั่วโลกภายในปี 2019 หรือเพิ่มขึ้นกว่า 67% ต่อปีกันเลยทีเดียว
ทั้งนี้ IoT ก็ไม่ได้จำกัดบริบทเพียงแค่การใช้งานภายในชีวิตประจำวันเท่านั้นนะครับ แต่ยังรวมไปถึงการเชื่อมต่อระหว่างสิ่งของหรือเครื่องจักรในภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการต่างๆ สามารถขยายฐานลูกค้าไปยังภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมได้อีกด้วย
ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ Business Intelligence
จากที่มิสเตอร์กองทุนไปหาข้อมูลมาทำให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิตอลนั้นยังมีศักยภาพที่จะขยายตัวได้อีกมาก เพราะ บริการและผลิตภัณฑ์ต่างๆ สามารถนำมาถูกปรับให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคแต่ละคนได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ซึ่งถ้าอยากลงทุนในหุ้นกลุ่มดิจิตัลที่กำลังเติบโตได้สวยอยู่นี้ ก็ไม่ยาก สามารถลงทุนผ่าน "กองทุนรวม" ได้ อย่างกองทุนเปิด ไทยพาณิชย์ โกลบอลดิจิตอล (SCBDIGI) ที่เน้นลงทุนในกลุ่มบริษัทแนวหน้าที่ได้รับประโยชน์จากการใช้อินเตอร์เน็ตและเทคโนโลยีแบบพกพาที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของเรา มาลองทำความรู้จักกันนะคร๊าบบบบ...
SCBDIGI เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ได้แก่ Pictet Digital Communication (กองทุนหลัก) : Share Class I ACC ในสกุลเงินดอลลาร์ (US Dollar) ซึ่งมีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นหรือหลักทรัพย์ซึ่งใช้เทคโนโลยีทางดิจิตอลในการเสนอบริการ interactive และ/หรือ ผลิตภัณฑ์ซึ่งเกี่ยวข้องกับบริการ interactiveภายใต้การบริหารจัดการของ Pictet Asset Management
งงแล้วหละซี๊ว่า Interactive Service คืออะไร...
Interactive Service คือ ผลิตภัณฑ์หรือ บริการที่สามารถตอบโต้ระหว่างผู้ให้บริการ กับ ผู้ใช้บริการได้ ยกตัวอย่างเช่น
การเรียกใช้บริการ UBER ที่ผู้ใช้สามารถเรียกดู ข้อมูลของคนขับรถ รวมถึง ระยะทาง และ ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการใช้บริการ ได้ หรือโปรแกรม SIRI ใน IPHONE ที่สามารถตอบโต้กับผู้ใช้งานได้ด้วย สามารถถามช่องทางการเดินทาง หรือข้อมูลอื่นๆ ก็ได้เช่นกัน (ดูไปก็คล้ายๆ Google แต่รูปแบบการสั่งงานเป็นเสียง (Voice Control) นั่นเอง นาจา....
ข้อมูลอื่นๆ ที่นักลงทุนควรรู้เกี่ยวกับกองทุนที่เราสนใจจะลงทุนนะคร๊าบบบบ..
อ่านมาถึงตรงนี้นักลงทุนอาจจะตั้งคำถามว่า ทำไมต้องลงทุนในกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอลดิจิตอล (SCBDIGI) กันนะ ลองมาดูกันครับ:
แต่อย่าลืมนะครับก่อนลงทุนต้องพิจารณาวัตถุประสงค์การลงทุนของตนเองอย่างรอบคอบก่อนแล้วค่อยตัดสินใจลงทุนนะครับ หรือ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมกันต่อได้ที่ SCBDIGI แล้วพบกันใหม่เดือนหน้า มิสเตอร์กองทุนจะ Update ข้อมูลข่าวสารดีๆ ให้อย่างต่อเนื่องคร๊าบโผ๊มมมมม....รักนะจุ๊บๆ
