Money DIY 4.0 by SCBAM : ผลกระทบจากการท่องเที่ยวต่อเศรษฐกิจไทย

3 พฤศจิกายน 2563

       วันนี้ผมขอเขียนถึงผลกระทบของการท่องเที่ยวในประเทศไทยที่เกิดจากการปิดกั้นการเดินทางระหว่างประเทศเนื่องจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างไรบ้าง ก่อนที่จะกล่าวถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ผมขอเกริ่นนำถึงความสำคัญของการท่องเที่ยวที่มีผลต่อเศรษฐกิจไทยตั้งแต่ในอดีตถึงปัจจุบันว่าเป็นมาอย่างไรและมีพัฒนาการเป็นอย่างไรบ้าง

       การท่องเที่ยวของประเทศไทยนับว่ามีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดตั้งแต่ปี 2545 ต่อเนื่องมา 17 ปี ก่อนจะเกิดสถานการณ์ Covid-19 โดยเกิดจากปัจจัยหลักที่สำคัญอยู่สองประการด้วยกัน คือ ประการที่ 1) การเปิดเสรีทางการบินในปี พ.ศ. 2545 ในช่วงนั้นเกิดสายการบินแบบ Low Cost Airline และสายการบินต่างชาติต่างก็เข้ามาประกอบการภายในประเทศไทยได้มากขึ้น ด้วยจำนวนผู้ประกอบการที่มากขึ้นทำให้เกิดการแข่งขันอันส่งผลดีต่อผู้บริโภค ดังจะเห็นได้จากราคาตั๋วเครื่องบินที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การเติบโตของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย และประการที่ 2) การเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ภายหลังจากที่เศรษฐกิจจีนได้เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้จำนวนชนชั้นกลางเพิ่มขึ้นจำนวนมากและคนกลุ่มดังกล่าวก็เริ่มใช้จ่ายไปกับการท่องเที่ยวมากขึ้น โดยเมื่อเปรียบเทียบจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเข้าในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2549 เทียบกับปี พ.ศ. 2562  พบว่านักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจาก 950,000 คน เป็น 11,0000,000 คน หรือเติบโตมากกว่า 1,100% ในช่วง 13 ปีที่ผ่านมา และสัดส่วนของนักท่องเที่ยวชาวจีนต่อนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยก็เพิ่มขึ้นจาก 6.9% เป็น 27.6%

       จากตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่มีมาอย่างต่อเนื่องเป็นอย่างมาก หากเปรียบเทียบรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อ GDP ของประเทศไทยในปี 2549 เทียบกับปี 2562 พบว่าเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว จาก 5.7% เป็น 11.5% ซึ่งยังส่งผลบวกทางอ้อมไปยังธุรกิจค้าปลีกภายในประเทศอีกด้วย เนื่องจากพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวจีนจะชอบซื้อของตามร้านค้าทั่วไปมากกว่านักท่องเที่ยวชาวยุโรปที่มักจะใช้จ่ายแต่ภายในโรงแรมเพียงอย่างเดียว เศรษฐกิจไทยหลายภาคส่วนจึงได้รับอานิสงค์จากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เพิ่มขึ้น จากการเติบโตดังกล่าวทำให้รัฐบาลไทยประกาศสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่เพื่อรักษาให้เศรษฐกิจไทยเติบโตต่อไปได้ เป็นการทดแทนการชะลอตัวของการส่งออกอันเป็นผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ - จีน การสนับสนุนดังกล่าวส่งผลให้เกิดการเพิ่มขึ้นของโรงแรมและสายการบินตามมาเป็นจำนวนมากเพื่อรองรับการเติบโตของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในรอบสิบปีที่ผ่านมา

 

       

       อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดโรคระบาด Covid-19 ขึ้น ประเทศไทยก็เลือกที่จะใช้มาตรการที่เข้มงวดในการป้องการแพร่ของโรคเพื่อมิให้ลุกลามจนยากเกินกว่าจะแก้ไข โดยการปิดกั้นการเดินทางระหว่างประเทศอันเป็นผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวหายไปในทันที และอาจจะใช้เวลาพอสมควรกว่าจะกลับมาดังเดิม โดยทาง SCB EIC คาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าประเทศไทยในปี 2563-2564 จะลดลงเหลือเพียง 6.7 และ 8.4 ล้านคนตามลำดับ เมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวในปี 2562 ที่มีจำนวนถึง 39.8 ล้านคน และต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 3 ปี  จึงจะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวกลับมามีระดับใกล้เคียงกับระดับเดิมได้ ซึ่งผลกระทบดังกล่าวจัดว่าเป็นผลกระทบที่รุนแรงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในอีกช่วง 2 ปีข้างหน้าโดยเฉพาะถ้าไม่มีเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจอื่นมาช่วยเกื้อหนุน คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะหดตัวลงประมาณ 7-10% ตามสัดส่วนของของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไป กลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง คือ กลุ่มสายการบิน กลุ่มธุรกิจโรงแรม และธุรกิจโรงพยาบาลระดับบนที่รายได้หลักมีการพึ่งพาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจากต่างชาติในระดับสูง ในขณะที่ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบทางอ้อม เช่น ธุรกิจเดินรถไฟฟ้า ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจสื่อสาร ที่มีสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ประมาณ 10%, 5% และ 3% ตามลำดับ ก็จะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน

       ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาเติบโตได้ในระดับที่ใกล้เคียงกับก่อนที่จะมี Covid-19  นั้น อาจจะขึ้นอยู่กับผลสำเร็จของการผลิตวัคซีนเพื่อป้องกันโรค Covid-19 ที่สามารถนำมาใช้ได้จริงและใช้ได้อย่างทั่วถึง เพื่อทำให้ประเทศไทยสามารถกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวได้อีกครั้ง นักวิเคราะห์ต่างคาดว่าวัคซีนจะเริ่มนำมาใช้ในประเทศไทยได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่ยังคงรอคอยวัคซีนอยู่นั้น มาตรการของภาครัฐยังเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องมีออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจไทยให้ข้ามพ้นไปจนกว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ มิฉะนั้นอาจเกิดภาวะล้มละลายของบางกลุ่มธุรกิจแล้วเกิดการกระจายตัวลุกลามไปยังธุรกิจอื่น ๆ  จนกลายเป็นวิกฤติเศรษฐกิจอีกรอบหนึ่งได้ โดยธุรกิจที่ภาครัฐต้องให้การช่วยเหลือเยียวยาอย่างเต็มที่ คือ ธุรกิจสายการบินและธุรกิจโรงแรมในจังหวัดที่พึ่งพาการท่องเที่ยวจากต่างชาติสูง เช่น เกาะสมุย ภูเก็ต พังงา กระบี่ หรือแม้กระทั่งกรุงเทพก็ตาม โดยในปี  2563 อัตราการเข้าพักของโรงแรมในจังหวัดดังกล่าวยังอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ที่ 13% 16% 16% 18% และ 26% ตามลำดับ ในขณะที่โรงแรมในเชียงใหม่ หัวหิน พัทยา ได้รับผลกระทบน้อยกว่า โดยคาดว่าจะมีอัตราเข้าพักอยู่ที่ 40% 40% และ 33% ตามลำดับ (ที่มา: SCB EIC) ซึ่งน่าจะเกิดจากมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ

       ผลกระทบของการท่องเที่ยวที่มีต่อตลาดหุ้นไทยนั้นก็รุนแรงเช่นกัน โดยพบว่ารายได้ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวต่างก็ปรับตัวลดลง และคาดว่าหลายบริษัทจะยังขาดทุนต่อเนื่องอีกในปี 2564 ทำให้ราคาหุ้นตกลงอย่างมากในปีนี้ เช่น หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว มีมูลค่าทางการตลาดลดลงจาก 104,012 ล้านบาท ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2562 เป็น 73,756 ล้านบาท ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2563 หรือลดลง 29% บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (MINT) ลดลงจาก 166,284 ล้านบาท เป็น 96,099 ล้านบาท หรือลดลง 42% บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOT) ลดลงจาก 1,060,713 ล้านบาท เป็น 796,428 ล้านบาท หรือลดลง 25% แม้กระทั่งหุ้นบริษัทค้าปลีกอย่าง บริษัท บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (CPALL) ซึ่งมีรายได้ส่วนหนึ่งจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยมูลค่าทางการตลาดปรับตัวลดลงจาก 649,029 ล้านบาท เป็น 532,249 ล้านบาท หรือลดลง 18%

       สำหรับตลาดหุ้นไทยคาดว่า จากนี้ไปจนถึงสิ้นปีจะยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,200 – 1,350 จุด สลับขึ้นลงระหว่างข่าวดีเรื่องความคืบหน้าของวัคซีนและมาตรการกระตุ้นต่างๆ ที่ภาครัฐจะออกมาช่วย และข่าวร้ายจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยที่หดตัวลงมาก รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมืองและสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ - จีนที่ก็ยังวนมารบกวนอยู่เป็นระยะๆ จนกว่าจะเห็นผลสำเร็จของวัคซีนที่นำใช้ในประเทศไทยได้จริงทำให้สามารถกลับมาเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติได้อย่างมั่นใจ ตลาดหุ้นไทยจึงจะปรับตัวกลับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องได้อีกครั้ง

 

โดย คุณณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย​
        ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร​
        บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด