คุยเฟื่องเรื่องกองทุน : จีน...ตลาดการลงทุนที่น่าจับตา

10 กรกฎาคม 2561

        ย้อนกลับไปในอดีต หากพูดถึงการลงทุนในตลาดทุนของจีน ก็ดูจะเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ยากสำหรับนักลงทุนรายย่อย เพราะตลาดจีนในตอนนั้นยังไม่เปิดเสรีทางตลาดทุนเท่าไร นักลงทุนต่างชาติหากต้องการลงทุนในหุ้นจีนต้องเลี่ยงไปลงทุนในหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง หรือที่เรียกกันว่าหุ้น H-Share ซึ่งประกอบด้วยหุ้นจีนกลุ่ม Blue chip ประมาณ 40 ตัว ส่วนมากจะเป็นหุ้นในกลุ่มธุรกิจการเงินและพลังงาน เพราะมีมูลค่าตามราคาตลาดสูง การลงทุนในหุ้นจีน H-Share จึงอาจไม่ได้สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจและการบริโภคของจีนได้เต็มที่นัก ส่วนหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่อย่างตลาดเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น หรือที่เรียกว่าหุ้นจีน A-Share ในอดีตแม้ว่าจะอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติประเภทสถาบันเข้ามาลงทุนได้ผ่านโควต้า (Qualified Foreign Institutional Investor หรือ QFII และ Renminbi Qualified Foreign Institutional Investor หรือ RQFII) แต่การจัดสรรโควต้าก็ยังเป็นไปแบบจำกัด ทำให้สัดส่วนการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติยังมีอยู่ไม่มาก ราคาหุ้นจีน A-Share จึงถูกขับเคลื่อนโดยนักลงทุนรายย่อยในจีนเป็นหลัก

        หลายท่านที่ผ่านการลงทุนในหุ้นจีนมาจะเข้าใจว่าตลาดหุ้นจีน H-Share และ A-Share แม้จะเป็นหุ้นจีนเหมือนกัน แต่พอซื้อขายอยู่คนละตลาด ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลการดำเนินงานก็จะแตกต่างกัน ทำให้ผลการดำเนินงานของสองตลาดนี้แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา นักลงทุนอย่างเราก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าช่วงเวลาไหนตลาด H-Share หรือ A-Share จะมีผลการดำเนินงานดีกว่ากัน อย่างไรก็ดี รัฐบาลจีนได้เริ่มเล็งเห็นถึงความสำคัญต่อการเปิดตลาดจีนสู่ตลาดโลก เพื่อก้าวสู่การเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจตามที่ตั้งเป้าไว้ จากแรงผลักดันดังกล่าวทำให้ปัจจุบันการลงทุนในตลาดจีนเริ่มมีทิศทางเปิดเสรีมากขึ้น รวมถึงเป็นที่ยอมรับและได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งในและนอกประเทศผ่านการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ต่างๆ เช่น โอกาสการลงทุนผ่านทาง Bond connect และ Stock Connect  ที่เชื่อมต่อระหว่างตลาดเซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง และเซินเจิ้น ที่เริ่มดำเนินมาตั้งแต่ปี 2557 

         

        ขณะเดียวกันนโยบาย Made in China 2025 โดยมีเป้าหมายที่จะมุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจจีน จากเดิมที่ให้ความสำคัญต่อการผลิตสินค้าราคาถูก มาเป็นการผลิตที่เน้นและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในเวทีโลก และตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากร ประกอบกับการที่รัฐบาลจีนผลักดันให้เงินหยวนเป็นเงินสกุลสากลขึ้น และให้มีบทบาทในการค้าระหว่างประเทศและทุนสำรองระหว่างประเทศ  ทำให้หุ้นจีนได้รับการยอมรับในตลาดโลก และได้ปรับน้ำหนักหุ้นจีนในดัชนี MSCI Emerging Market โดยภายในปี 2568 จะเพิ่มสัดส่วนขึ้นอยู่ที่ประมาณ 39%

        ด้วยข้อจำกัดและกฎระเบียบการลงทุนในตลาดทุนจีนแผ่นดินใหญ่ที่ผ่อนคลายลง ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนต่างชาติที่สนใจลงทุนในตลาดทุนของจีน เพราะการลงทุนในหุ้นจีนต่อไปนี้ไม่จำเป็นต้องเลือกเพียงว่าจะลงทุนในหุ้นจีน A-share หรือ H-share แต่สามารถเลือกหุ้นจีนรายตัวที่มีปัจจัยพื้นฐานดีที่ซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ไหนก็ได้ทุกตลาด ตัวอย่างหุ้นบริษัทจีนที่น่าสนใจในตลาดหลักทรัพย์ต่างๆ เช่น  Alibaba ประกอบธุรกิจหลักเกี่ยวกับด้าน e-commerce จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ Tencent ที่ให้บริการด้านการวางระบบและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ จดทะเบียนในตลาดฮ่องกง และ Ping An Insurance ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับการประกันภัยและการเงิน จดทะเบียนในตลาดเซี่ยงไฮ้ เป็นต้น 

        บลจ.ไทยพาณิชย์  ก็มีโอกาสได้นำเสนอกองทุนที่ลงทุนในหุ้นจีนทุกตลาดหลักทรัพย์เพิ่มจากกองทุน H Share และ  A Share ที่มีอยู่เดิม เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุน ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ SCB All China Equity (SCBCHEQ) เป็นกองทุนที่บริหารงานโดยทีมผู้จัดการกองทุนของ Investec ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์อย่างยาวนาน เน้นการสร้างพอร์ตลงทุนผ่านการคัดกรองหลักทรัพย์ด้วยโมเดลที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะ ผสานการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเชิงลึกในหุ้นรายตัว ตอบโจทย์สำหรับนักลงทุนหัวคิดทันสมัยที่อยากสร้างโอกาสได้รับผลตอบแทนที่มีเสถียรภาพในระยะยาว ไปพร้อมกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน

        อย่างไรก็ตามการลงทุนประเภทใดก็แล้วแต่  ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม และทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนของแต่ละกองทุนก่อนการลงทุนด้วยนะครับ

 

โดย คุณสมิทธ์ พนมยงค์
       ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
       บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด