คุยเฟื่องเรื่องกองทุน : มากกว่าสงครามค่าธรรมเนียมธนาคาร

9 เมษายน 2561

        เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ธนาคารใหญ่ทั้ง 4 แห่งต่างออกมาประกาศยกเลิกค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์เริ่มเปิดตัวก่อน มีการเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีโดยมีการนำดารานักแสดงชื่อดังมาโฆษณาประชาสัมพันธ์ พร้อมทั้งมีคำอธิบายยุทธศาสตร์โดยละเอียดถึงสาเหตุที่ต้องลดค่าธรรมเนียมนั้นว่าเป็นการ disrupt ตัวเองเพราะ non bank และ fintech ต่างๆ กำลังจะรุกคืบเข้ามาแย่งธุรกิจการโอนเงิน การชำระเงินแข่งกับธนาคาร และเพื่อเป็นการรักษาฐานลูกค้าต่อไปในอนาคต สำหรับธนาคารที่ประกาศตามมาที่หลังนั้นดูเหมือนจะเป็นการแก้เกมเกรงลูกค้าจะหนีไปใช้ธนาคารที่ไม่คิดค่าธรรมเนียมเลยรีบลดบ้าง ไม่ได้มียุทธศาสตร์ชัดเจนหรือคำอธิบายประกอบเท่าไรนัก

        นักวิเคราะห์ต่างออกมาให้ความเห็นกันในหลากหลายมุม กลุ่มหนึ่งก็เห็นว่าเป็นประโยชน์กับผู้บริโภคเป็นไปตามแผนของธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังที่ตั้งใจจะลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมการเงินในประเทศ ทำให้ระบบการเงินของไทยมีประสิทธิภาพและลดการใช้เงินสด ส่วนฝ่ายนักวิเคราะห์หุ้นก็ออกมาให้ความเห็นว่าการลดค่าธรรมเนียมนั้นกระทบกับรายได้และกำไรธนาคารทำให้ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลดลงไปตามๆ กัน

        แต่ที่น่าสนใจไปกว่านั้น คือ พอทุกธนาคารประกาศยกเลิกค่าธรรมเนียมกันหมดแล้ว อุตสาหกรรมจะเป็นอย่างไรต่อไป!!  ค่าธรรมเนียมนั้นเป็นเสมือนกำแพงที่กั้นการแข่งขัน ซึ่งจากเดิมผู้บริโภคและบริษัทห้างร้านต่างๆ เลือกใช้บริการธนาคารโดยพิจารณาจากความสะดวกและประหยัด หากคู่ค้าใช้ธนาคารใดก็ต้องไปเปิดบัญชีธนาคารนั้นด้วย เพื่อรับโอนและจ่ายเงินโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมหรือเสียน้อยที่สุด ธนาคารใหญ่ที่มีสาขามากครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศก็มักจะได้เปรียบในการแข่งขันเพราะสามารถให้บริการรับจ่ายโอนได้โดยสะดวกและประหยัดกว่า บริษัทห้างร้าน SME ต่างก็เปิดบัญชีกับธนาคารใหญ่ๆ ทั้ง  3 – 4 ธนาคารเพื่อช่วยให้ลูกค้าประหยัดค่าธรรมเนียมการโอนต่างธนาคาร บริษัทขนาดใหญ่ที่มีสาขาทั่วประเทศหลายแห่งก็ต้องเปิดบัญชีกับสาขาธนาคารในพื้นที่นั้นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคู่ค้าในพื้นที่จะได้ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมโอนข้ามเขต แต่พอสิ้นเดือนเข้าสู่ช่วงปิดบัญชีก็ต้องมาโอนเงินไปมากระทบยอดจากบัญชีต่างๆ วุ่นวายไปหมด อีกทั้งยังต้องคงเหลือเงินขั้นต่ำให้อยู่ในแต่ละบัญชีโดยจะเป็นเงินฝากดอกเบี้ยต่ำ หรืออีกนัยหนึ่งคือต้นทุนเงินราคาถูกของธนาคารนั้นๆ ธนาคารใหญ่ที่มีฐานลูกค้ามาก มีเครือข่ายธุรกิจ supply chain เชื่อมโยงกว้างขวางก็ได้เปรียบ เพราะมีลูกค้ามาเปิดบัญชีด้วยมากทำให้มีต้นทุนการเงินที่ต่ำกว่าคู่แข่ง

         

        เมื่อธนาคารต่างๆ ออกมายกเลิกค่าธรรมเนียมพฤติกรรมเหล่านี้ก็จะค่อยๆ หมดไป ทั้งบุคคลและบริษัทต่างๆ ก็จะทยอยปิดบัญชีที่ไม่จำเป็นอีกต่อไป ความหวังที่จะได้จำนวนลูกค้าเพิ่มอาจกลับหัวกลับหางกลายเป็นเสียลูกค้า การแข่งขันในระบบธนาคารจะยิ่งสูงขึ้นไปอีก เพราะลูกค้าจะเลือกใช้สถาบันที่ให้ผลประโยชน์กับพวกเขาดีที่สุด เช่น ฝากเงินได้ดอกเบี้ยสูง เงินกู้จ่ายดอกเบี้ยต่ำ ผลิตภัณฑ์การเงินหลากหลายตอบโจทย์ความต้องการ พนักงานมีความรู้ให้บริการดี เพราะลูกค้าไม่มีความจำเป็นต้องรักษาบัญชีไว้กับธนาคารหลายๆ แห่งเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคู่ค้าและประหยัดค่าธรรมเนียมเช่นในอดีต เงินคงเหลือดอกเบี้ยถูกๆ ในบัญชีที่เคยเปิดไว้กระจัดกระจายก็จะทยอยลดลง ซึ่งนอกจากธนาคารจะเสียรายได้ค่าธรรมเนียมไปแล้ว ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันและต้นทุนเงินที่สูงขึ้นอีกด้วย สงครามฟรีค่าธรรมเนียมคงไม่ได้จบลงแต่เพียงเท่านี้ ผมคิดว่ายังต้องมีภาคต่อไปให้เราติดตามกันอีก แม้ในมุมนักลงทุนผู้ถือหุ้นเราอาจเสียประโยชน์ไปบ้างจากกำไรของกลุ่มธนาคารที่ปรับลง แต่ผมก็อดชื่นชมไม่ได้ที่ธนาคารต่างก็มีความกล้าที่จะออกมาประกาศยกเลิกค่าธรรมเนียมเพื่อลูกค้า และทำให้ระบบการเงินของไทยมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นและต้นทุนที่ถูกลงนะครับ

 

โดย คุณสมิทธ์ พนมยงค์
       ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
       บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด