CIO’s Talk ตอน “ภาพรวมสภาวะตลาด และโอกาสการลงทุน”

20 ตุลาคม 2560

สวัสดีครับท่านผู้ถือหน่วยลงทุนทุกท่าน  หนึ่งเดือนที่ผ่านมาน่าจะเป็นช่วงเวลาที่สดใสสำหรับท่านนักลงทุนที่ได้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในพอร์ต โดยเฉพาะในหุ้นไทย ที่ตลาดได้ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดัชนี SET กำลังทะยานเข้าสู่ 1700 จุด หลายท่านมาถามผมว่าการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้จะเป็นการขึ้นของจริงหรือไม่ ผมลองมานั่งคิดดูก็คงต้องขอตอบว่า ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัวขึ้นของตลาดไหนล้วนเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้นครับ การปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าเป็นภาพสะท้อนความต้องการซื้อขาย รวมถึงปัจจัยพื้นฐานทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตรวมเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะตลาดหุ้นนั้นเป็นสินทรัพย์ที่มีความสามารถในการสะท้อนราคาที่ควรจะเป็น (ที่เรามักเรียกกันว่า priced in) หรือมีการปรับตัวให้เข้ากับภาวะการณ์ได้อย่างรวดเร็ว หรืออาจจะแม่นยำที่สุด เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ประเภทอื่นที่ตลาดไม่ได้มีลักษณะเปิดกว้าง และไม่ได้มีผู้ร่วมลงทุนที่หลากหลายเป็นจำนวนมากเท่ากับตลาดหุ้นครับ

สำหรับภาพตลาดโดยรวมสำหรับสินทรัพย์อื่น มุมมองยังคงคล้ายเดิมครับ ตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดตั้งแต่ต้นปี ดัชนี MSCI Emerging Markets มีผลตอบแทนโดยรวมปรับตัวสูงขึ้นถึง 23% ตามติดมาด้วยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นมาได้ 15% (ในสกุลดอลลาร์สหรัฐ) ตามติดมาด้วยดัชนีตลาดหุ้นโลก MSCI World ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ดัชนี TOPIX รวมถึงตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศยุโรป ดัชนี MSCI Europe ด้วย จะเห็นได้ว่าในปีนี้ตลาดหุ้นแต่ละประเทศมีสลับกันขึ้นบ้างลงบ้าง แต่โดยรวมแล้วเป็นขาขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนระดับของการปรับตัวขึ้นลงหรือระดับผลตอบแทนอาจจะแตกต่างลดทอนกันไปบ้างตามปัจจัยรายประเทศครับ

สินทรัพย์ประเภททองคำ สามารถสร้างผลตอบแทนได้ค่อนข้างดีในปีนี้ ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 11% ปัจจัยสนับสนุนหลักน่าจะมาจากเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเป็นระยะเวลานาน ในระยะสั้นเงินดอลลาร์สหรัฐเริ่มปรับตัวสูงขึ้นสะท้อนนโยบายการลดภาษีของรัฐบาลทรัมป์ แต่ในระยะยาวคงต้องรอดูกันต่อไปว่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะสามารถฟื้นกลับมาแข็งค่าได้หรือไม่ และจะมีผลกระทบต่อราคาทองคำอย่างไร

สำหรับตราสารหนี้ โดยทั่วไปราคายังปรับตัวสูงขึ้น ให้ผลตอบแทนเป็นบวกในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่า Fed จะประกาศส่งสัญญาณถึง Tapering program หรือการลดการถือครองสินทรัพย์ในตลาดของตัวเองลง อาจเป็นเพราะนักลงทุนมองว่าเป็นการดำเนินการที่จะเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ตลาดโดยรวมจึงดูไม่ได้ตื่นตระหนกกันมากนัก

 

 

ผมขอกลับมาที่สินทรัพย์ดาวเด่นในช่วงเวลานี้อีกครั้งหนึ่ง คือตราสารทุน โดยเฉพาะเจาะจงไปถึงตลาดหุ้นไทยนั้น ผมได้ตั้งข้อสังเกตว่าในช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา การปรับตัวของตลาดหุ้นไทยถือเป็นการขึ้นที่ค่อนข้างแข็งแรง กล่าวคือมีการสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนหุ้น ไม่ว่าจะเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่อยู่ในดัชนี SET 50 หรือหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก ต่างมีการปรับขึ้นหมุนเวียนเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการสื่อสาร คมนาคม การท่องเที่ยว อุปโภคบริโภค น้ำมัน หรือแม้กระทั่งกลุ่มธนาคารเอง จึงถือเป็นการปรับตัวขึ้นของตลาดที่ค่อนข้างมีความสมดุล ผมมองว่ามูลค่าพื้นฐานของตลาดโดยรวม อาจจะดูแพงขึ้นเล็กน้อย แต่ยังไม่มีการกระจุกตัวมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กก็ได้ทยอยสับเปลี่ยนหมุนเวียนปรับตัวขึ้นในแต่ละช่วงเวลา มีการพักตัวในยามที่หุ้นขนาดใหญ่ขึ้น มีไล่ตามปรับตัวขึ้นในยามที่หุ้นขนาดใหญ่พักฐานหรือชะลอตัว ด้วยรูปแบบการปรับตัวของตลาดเช่นนี้ ผมจึงมองว่าเป็นการปรับตัวขึ้นแบบมีดุลยภาพ หนุนด้วยผลประกอบการของหลายบริษัทที่ออกมาเป็นไปตามเป้าหมายอย่างที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ ผมจึงค่อนข้างวางใจในระดับหนึ่งว่าการปรับตัวขึ้นของตลาดไทยในช่วงเวลานี้ยังมีปัจจัยพื้นฐานรองรับได้เป็นอย่างดี ช่วงเวลาที่เหลือของปีจึงเป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจ และเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนน่าจะเก็บเกี่ยวผลตอบแทนได้ ด้วยปริมาณการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในไทยที่ยังค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะในตลาดหุ้น ผมจึงมองว่าหากตลาดปรับฐานชะลอตัวลง จะเป็นโอกาสให้เข้าลงทุนเพิ่มเติมได้ครับ

คำแนะนำการลงทุนยังคล้ายกับที่ผมเคยแนะนำไป SCBDV กองทุนหุ้นไทยที่ดูค่อนข้างปลอดภัย มีความผันผวนต่ำกว่าตลาดเล็กน้อย แต่หากอยากได้โอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าและเน้นลงทุนในหุ้นรายตัวที่ชัดเจนขึ้น ผมแนะนำกองทุน SCBSE และ SCBMSE ครับ ซึ่งทั้งสามกองทุนนี้ถือเป็นกองทุนหุ้นไทย flagship ของ บลจ.ไทยพาณิชย์ครับ

อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้งนะครับ  สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการ ได้ที่ SCBAM Call Center โทร.02-777-7777 กด 0 กด 6 หรือผู้สนับสนุนการขายทุกราย

ขอให้เดือนตุลาคมนี้เป็นเดือนแห่งการลงทุนที่ดีอีกเดือนหนึ่งสำหรับทุกท่านนะครับ  แล้วพบกันใหม่คราวหน้าฉบับหน้า  สวัสดีครับ

 

โดย  คุณณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย
        กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน​
        บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด