มิสเตอร์กองทุน: ทำไม ‘ตราสารหนี้’ จึงเป็น ‘สินทรัพย์ที่อยู่ในเรดาร์นักลงทุน’

23 กุมภาพันธ์ 2566

          ‘การลงทุน...แม้จะมีความเสี่ยง’ แต่เป็นทางเลือกที่น่าสนใจด้วยเช่นกัน เพราะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่มีโอกาสสร้างเงินให้งอกเงย เพื่อให้ตอบโจทย์ของใครหลายๆคนที่วางเป้าหมายทางการเงินไว้ หรือเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับเงินออมและใช้สู้กับอัตราเงินเฟ้อที่ทุกวันนี้มาทำให้อำนาจซื้อของเงินลดลง

          ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลาดมีความผันผวนค่อนข้างสูง เศรษฐกิจโลกถูกกดดันด้วยปัจจัยต่างๆมากมาย หนึ่งในปัจจัยสำคัญดังกล่าว คือ อัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงในหลายประเทศ  เช่น อัตราเงินเฟ้อสหรัฐสูงสุดในรอบ 40 ปี นับตั้งแต่ปี 2524  อัตราเงินเฟ้อไทยสูงสุดในรอบ 24 ปี นับตั้งแต่ปี 2541 เป็นต้น ซึ่งอัตราเงินเฟ้อเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลก พร้อมใจกันปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และส่งผลต่อสินทรัพย์ทางการเงินให้มีความผันผวนมาอย่างต่อเนื่อง  แม้ช่วงนี้..แรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อจะได้ไม่ได้มากเท่ากับปีที่ผ่านมา แต่เศรษฐกิจโลก ตลาดเงิน และตลาดทุน ก็ยังมีแรงกดดันเสริมจากปัจจัยอื่นๆ อย่างเช่น ความขัดแย้งระหว่างประเทศ (Geopolitical Risk) ทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางที่ยังไม่รู้จุดจบ หรือจังหวะที่ต้องลุ้นไปกับเศรษฐกิจที่อาจจะเสี่ยงถดถอย (recession risk) เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ ดูเหมือนจะเป็นความสี่ยงที่ยังอาจต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  ทำให้มีคำถามเกิดขึ้นว่า ปีนี้จะลงทุนอะไรดี?

          “ในทุกวิกฤต..ย่อมมีโอกาส” คำพูดที่เรามักจะได้ยินกันอยู่เสมอ จึงทำให้เชื่อว่า ในช่วงเวลาที่ตลาดยังผันผวน ก็ยังสามารถหาโอกาสของการลงทุนได้ เพราะมีสินทรัพย์บางประเภทที่ได้ประโยชน์ และสามารถให้ผลตอบแทนส่วนหนึ่งจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลาง อีกทั้ง เป็นสินทรัพย์มีความเสี่ยงที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับหุ้น นั่นคือการลงทุนใน ตราสารหนี้ ซึ่งมีความน่าสนใจ และกลายเป็นการลงทุนที่อยู่ในเรดาร์ของนักลงทุน จากอัตราผลตอบแทนที่คาดหวังเทียบความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้มีส่วนหลักส่วนหนึ่งมาจาก “ดอกเบี้ย”  และนักลงทุนจะได้รับ “เงินต้น” คืนเมื่อครบกำหนด ซึ่งคล้ายกับการฝากเงินในธนาคาร แต่การลงทุนในตราสารหนี้จะมีจุดเด่นคือ โอกาสในการรับผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าประมาณ 2-5% ต่อปี หากเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์จะอยู่ที่ประมาณ 0.3 - 0.5% ต่อปี อีกทั้ง ระดับราคาของตราสารหนี้ได้สะท้อนความเสี่ยง (Price Risk) ที่ปรับลดลงมาค่อนข้างมากในปีที่ผ่านมา

          คาดว่า ในปีนี้ผลกระทบด้านราคาอยู่ในกรอบจำกัด จากสัญญาณจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางที่ชะลอตัวลง  ซึ่งทำให้นักลงทุนมีโอกาสที่จะได้รับอัตราดอกเบี้ยตราสาร (coupon rate) อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง

          การลงทุนผ่าน กองทุนรวมตราสารหนี้ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าการลงทุนในตราสารหนี้โดยตรง เนื่องจากมีสภาพคล่องสูงกว่า สามารถขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการไม่ต้องรอครบกำหนดอายุตราสาร นอกจากนี้จำนวนเงินที่ใช้ในการลงทุนในกองทุนรวมที่ค่อนข้างต่ำ โดยบางกองทุนสามารถซื้อขายเริ่มต้นขั้นต่ำเริ่มต้นเพียง 1 บาท หากเทียบกับการลงทุนในตราสารหนี้โดยตรงซึ่งส่วนใหญ่ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นที่มากกว่า 

          กองทุนรวมตราสารหนี้ ก็มีแบ่งให้เลือกลงทุนได้อีกหลายประเภท เช่น  กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะยาว กองทุนรวมตราสารหนี้ต่างประเทศ เป็นต้น ดังนั้น ก่อนที่จะเลือกลงทุนแบบไหนก็ควรศึกษารายละเอียด ความเสี่ยงของกองทุนรวมตราสารหนี้แต่ละกองทุนให้เข้าใจได้เป็นอย่างดีก่อน เช่น ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ หากผู้ออกตราสารหนี้ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยหรือคืนเงินต้นได้ตามกำหนดจะส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนหรือมูลค่าของกองทุนรวมได้ การลงทุนในตราสารหนี้โดยทั่วไปจะเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำถึงค่อนข้างสูง  นอกจากนี้กองทุนรวมตราสารหนี้ยังเหมาะสมกับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงการลงทุน ช่วยลดความผันผวนของพอร์ตลงทุนโดยรวม

          หากใครที่อยากลงทุน และยอมรับความเสี่ยงได้ค่อนข้างต่ำ แต่ยังมีคำถามในใจ ถึงความชัดเจนของผลตอบแทนว่าจะได้เท่าไหร่? หรือต้องลงทุนนานแค่ไหน? กองทุน Term Fund น่าจะเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ เพราะกองทุนนี้ เป็นกองทุนที่มีการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น ที่มีลักษณะการจ่ายผลตอบแทน หรือดอกเบี้ยที่คล้ายกับเงินฝากประจำ อีกทั้ง มีกรอบระยะเวลาการลงทุนที่ชัดเจน เช่น 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนตามที่แจ้งประมาณการเอาไว้ตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุน โดยบริษัทจัดการกองทุนเสนอขายกองทุน (IPO) เป็นรายสัปดาห์ ทำให้สามารถลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง หรือ Rollover ได้

          กองทุน Term Fund มี 3 จุดเด่นที่น่าสนใจ คือ

  • รู้ข้อมูลของตราสารที่จะเข้าลงทุน และอัตราผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับตั้งแต่เริ่มลงทุน
  • ลงทุนในตราสารเงินลงทุนที่มีความปลอดภัยพอสมควร จากการคัดเลือกตราสารที่มีระดับความน่าเชื่อถือระดับ Investment Grade ขึ้นไป
  • มีออปชั่นของระยะเวลาการลงทุนที่ไม่นาน จะเลือกลงทุน 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี ก็ได้ และได้รับเงินคืนเมื่อครบกำหนดอายุกองทุน

          อย่างไรก็ตาม กองทุน Term Fund ก็มีข้อจำกัดการลงทุนในบางประเด็น คือ กองทุนจะไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ก่อนครบกำหนดอายุการลงทุน  ดังนั้นการเลือกลงทุนใน Term fund ควรคำนึงถึงระยะเวลาในการลงทุน ซึ่งขึ้นอยู่กับเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการเข้าลงทุนของเราเองที่จะต้องเลือกให้เหมาะสมที่สุด 

          

 

ดูข้อมูลกองทุนของ SCBAM ได้เพิ่มเติมที่ SCBAM Fund Click

สนใจเปิดบัญชีกองทุนรวม..เริ่มไม่ยาก คลิกเลย!!

 

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง รวมถึงควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนตัดสินใจลงทุน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ บลจ.ไทยพาณิชย์ โทร. 02-777-7777 www.scbam.com

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA)