มันนี่ ดีไอวาย 4.0 by SCBAM : การลงทุนในตลาดหุ้นไทย ปี 2562

23 มกราคม 2562

        สำหรับตลาดหุ้นไทยในไตรมาสที่ 1 ในปี 2562 นั้น ยังคงมีความผันผวนต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ปัจจัยที่ยังส่งผลกระทบต่อการลงทุนส่วนใหญ่ยังมาจากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก ได้แก่ การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งใช้เวลา 90 วันถึงจะรู้ผลในช่วงต้นเดือนมีนาคม ทำให้ในระหว่างนี้เศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง และมีโอกาสการปรับลดประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจได้อีก สำหรับสภาพคล่องในเศรษฐกิจโลกมีการปรับตัวลดลงอีกจากการหยุดทำ QE ของยุโรป อย่างไรก็ตามการที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เริ่มออกมาส่งสัญญาณเชิงบวกมากขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้ FED มีการเปลี่ยนมุมมองการขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงอาจจะชะลอการปรับลดงบดุลของ FED ภายหลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวลงในช่วงที่ผ่านมา โดยต้องติดตามการประชุมของ FED ในช่วงปลายเดือนมกราคม ในส่วนของยุโรปนั้นก็ต้องติดตามการเจรจาระหว่างอังกฤษกับอียู (Brexit) ในช่วงปลายเดือนมีนาคมด้วยเช่นกัน

        ปัจจัยบวกที่คาดว่าจะเข้ามาในไตรมาสที่ 1 ที่จะสนับสนุนให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แก่ ตัวเลขนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยคาดว่าจะมีการฟื้นตัวกลับมาและเติบโตต่อได้ การบริโภคภายในประเทศและการลงทุนของภาครัฐที่ยังมีการขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor หรือ EEC) ที่จะช่วยให้มีการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมต่อเนื่อง สำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีนี้ จะเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับการลงทุนของเอกชนทั้งนักลงทุนภายในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้การลงทุนทางตรงที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการลงทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นอกจากนี้การที่ FED ออกมามีความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และมีโอกาสที่ปรับเปลี่ยนมุมมองต่อการขึ้นดอกเบี้ยทำให้ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนค่าลงและทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะทำให้มีโอกาสที่เม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศกลับมาลงทุนในตลาด Emerging Market และตลาดหุ้นไทยมากขึ้น

 

 

        ส่วนปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในช่วงที่เหลือของปี 2562 ได้แก่ ทิศทางการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ต่อประเทศอื่นๆ ทั่วโลก การดำเนินนโยบายทางการเงินของ FED ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญต่างๆ ได้แก่ ตัวเลข GDP ตัวเลขภาคการผลิต ตัวเลขภาคการบริการ การจ้างงาน และอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งหากตัวเลขดังกล่าวยังส่งสัญญาณอ่อนแอ ก็จะสร้างความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกได้ และจะทำให้การลงทุนของนักลงทุนเริ่มชะลอตัวลง แต่อย่างไรก็ตามหากประเทศจีนมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาใหม่ ก็อาจจะสามารถช่วยให้เศรษฐกิจโลกยังสามารถเติบโตต่อเนื่องได้

        การที่ตลาดหุ้นมีการปรับตัวลดลงในปีที่ผ่านมา ทำให้ Valuation ของตลาดหุ้นไทยเริ่มมีความน่าสนใจลงทุนมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะยังมีความผันผวนจากปัจจัยภายนอก แต่ว่าเศรษฐกิจไทยยังคงมีการเติบโตอยู่หากเทียบกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้านแล้ว ณ ระดับปัจจุบันที่คาดว่าในปี 2019 จะมีอัตราการเติบโตของกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ประมาณ 8% ทำให้ PE ของตลาดหุ้นไทยคิดเป็นที่ระดับ 13.7 เท่า จากในช่วงที่ผ่านมานั้นตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายที่ระดับ 15 - 17 เท่า

        สำหรับการลงทุนในภาวะที่มีความไม่แน่นอนสูงนั้น การจัดพอร์ตการลงทุนจึงต้องเน้นความระมัดระวังเป็นอย่างมาก และควรเป็นการลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวนต่ำ โดยเน้นการลงทุนใน1) หุ้น Quality Stocks คือ หุ้นที่มีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง มีงบดุลที่แข็งแกร่ง มีความผันผวนต่อเศรษฐกิจต่ำ มีผู้บริหารที่เข้าใจการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างดี และเข้าใจภาวะเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อการดำเนินงานของบริษัท อย่างเช่น กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มโรงไฟฟ้า 2) หุ้นที่คาดการณ์ว่าจะมีการจ่ายเงินปันผลสูง (Dividend Stocks) คือ หุ้นที่มีกระแสเงินสดเป็นบวก และมีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งในการประมาณการเงินปันผลนั้นต้องมีการประมาณการผลการดำเนินงานในอนาคตเข้ามาด้วย เพราะบางครั้งในบางธุรกิจนั้นในอดีตสามารถจ่ายเงินปันผลได้สูง แต่พอมาคำนวณถึงผลประกอบการในปัจจุบันอาจจะมีการจ่ายเงินปันผลที่ลดลงได้ และ 3) หุ้นที่มีความยั่งยืนหรือหุ้นที่อยู่ในดัชนี THSI (Thailand Sustainability Investment) ซึ่งเป็นหุ้นที่มีบรรษัทภิบาลที่ดี มีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ มีการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม มีการประเมินความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจอย่างเหมาะสม เพื่อที่จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยั่งยืน และเป็นการสร้างมูลค่าในระยะยาวให้กับบริษัท ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ได้มีการคัดเลือกบริษัทที่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ นักลงทุนสามารถดูรายชื่อบริษัทดังกล่าวได้ที่ในเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

        สำหรับการจัดพอร์ตการลงทุนท่ามกลางความไม่แน่นอนหลายด้านในปีนี้ นักลงทุนควรต้องมีการจัดการลงทุนระหว่างการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง (Risky asset) และการลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในสัดส่วนที่เหมาะสม การลงทุนในหุ้นที่กล่าวมาข้างต้นจะทำให้พอร์ตการลงทุนในปีนี้ สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีท่ามกลางความผันผวนจากปัจจัยภายนอกได้นะครับ

 

โดย คุณณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย​
        ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร​
        บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด