ตามที่กองทุน SCBADAGIO และ SCBMBOND ได้หยุดรับคำสั่งซื้อขาย สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนเป็นการชั่วคราว จากการที่กองทุนหลักได้หยุดรับคำสั่งซื้อขาย เนื่องจากไม่สามารถประเมินมูลค่าที่แน่นอนของสินทรัพย์บางส่วนในกองทุนได้ และทาง Autorité des Marchés Financiers ซึ่งเป็นองค์กรกำกับดูแลตลาดทุนของประเทศฝรั่งเศส ได้สั่งหยุดรับคำสั่งซื้อขายกองทุน H2O MultiBonds และผู้จัดการกองทุนหลัก (H2O) ได้ตัดสินใจหยุดรับคำสั่งซื้อขายของกองทุนอื่นภายใต้การจัดการที่มีการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทเดียวกัน ซึ่งรวมถึงกองทุน H2O Adagio รายละเอียดตามประกาศของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ จำกัด (บริษัทจัดการ) ณ วันที่ 31 สิงหาคม 6 ตุลาคม 2563 และ 12 ตุลาคม 2563 นั้น
ขณะนี้ทางกองทุนหลักได้ดำเนินการแยกสินทรัพย์แล้วเสร็จ และได้เปิดรับคำสั่งซื้อขายอีกครั้งเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2563 โดยได้แยกสินทรัพย์ในกองทุนออกเป็น 2 ส่วน และถือว่าผู้ถือหน่วยลงทุนมีหน่วยลงทุนในทั้งสองส่วน คือ
ส่วนที่ 1 สินทรัพย์ที่สามารถประเมินมูลค่าได้ ย้ายไปยังกองทุนใหม่ที่มีนโยบายการลงทุน สภาพคล่อง และ NAV รายวันเหมือนกองทุนเดิม (mirror fund)
ส่วนที่ 2 สินทรัพย์ที่ไม่สามารถประเมินมูลค่าที่แน่นอนได้ คงไว้ในกองทุนเดิม (side-pocketed fund) และจะทยอยขายสินทรัพย์ออกในราคาและช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อคืนเงินแก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ซึ่งกองทุนนี้จะยังคงปิดรับคำสั่งซื้อขาย โดยจะมีการประกาศ NAV เป็นรายเดือน
สัดส่วนสินทรัพย์ ณ วันแยกสินทรัพย์
ส่วนที่ 1 mirror fund |
ส่วนที่ 2 side-pocketed fund |
|
H2O Adagio (ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2563) | 91.38% | 8.62% |
H2O MultiBonds (ณ วันที่ 5 ตุลาคม 2563) | 77.28% | 22.72% |
ทั้งนี้ สินทรัพย์ที่ไม่มีสภาพคล่องและไม่สามารถประเมินมูลค่าที่แน่นอนได้ในส่วนที่ 2 side-pocketed fund ประกอบด้วย
บริษัทจัดการได้พิจารณาแล้ว เห็นว่า รูปแบบการดำเนินการจัดการของกองทุนหลักมีความแตกต่างจากแนวทางการจัดการกองทุนรวมทั่วไป เนื่องจากเป็นการแยกสินทรัพย์ของกองทุนเดิมเพื่อจัดตั้ง mirror fund และ side-pocketed fund ดังที่เรียนข้างต้น ประกอบกับกองทุนหลักได้มีการลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่มีสภาพคล่องและไม่สามารถประเมินมูลค่าที่แน่นอนได้ซึ่งไม่สอดคล้องกับแนวทางการลงทุนของกองทุนรวมไทย จนอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและสภาพคล่องของทั้งกองทุนหลักและกองทุน SCBADAGIO และ SCBMBOND รวมถึงยังไม่มีความชัดเจนในการปรับปรุงรูปแบบการบริหารการลงทุน ซึ่งอาจทำให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ได้อีกในอนาคต นอกจากนี้ยังมีกองทุน SCBLARGO ที่ลงทุนในกองทุนหลัก H2O Largo ซึ่งบริหารจัดการโดย H2O บริษัทจัดการจึงมีความเห็นว่าอาจเกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกับกองทุน H2O Adagio และ H2O MultiBonds ได้ในอนาคตเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ กองทุนรวมทั้ง 3 กองทุนข้างต้นมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนต่ำกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งหากจะยังคงลงทุนอยู่ต่อไปอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุน ค่าใช้จ่าย และผลตอบแทนของกองทุน โดยเมื่อพิจารณามูลค่าหน่วยลงทุนที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด (คำนวณตามมูลค่าที่ตราไว้ของหน่วยลงทุน) ของแต่ละกองทุน ณ วันที่ 14 ตุลาคม 2563 เป็นไปตามตาราง ดังนี้
SCBLARGO | 95,075.56 บาท |
SCBADAGIO | 257,074.67 บาท |
SCBMBOND | 9,369,879.61 บาท |
เมื่อคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุนเป็นสำคัญแล้ว บริษัทจัดการพิจารณาเห็นควรยกเลิกโครงการจัดการกองทุนที่ลงทุนในกองทุนหลักที่บริหารจัดการโดย H2O ทั้ง 3 กองทุน ได้แก่ กองทุน SCBLARGO SCBADAGIO และ SCBMBOND ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวนเสนอขายหน่วยลงทุนตามข้อ 22.1.1(1)
ทั้งนี้ บริษัทจัดการจะดำเนินการชำระค่าขายคืนหน่วยลงทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ดังนี้
1. บริษัทจัดการจะดำเนินการชำระค่าขายคืนหน่วยลงทุนตามสัดส่วนจำนวนเงินที่รวบรวมได้ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ภายใน 10 วันทำการ และเมื่อได้ดำเนินการชำระค่าขายคืนหน่วยลงทุนแล้วจะถือว่าเป็นการเลิกกองทุน
(1.1) SCBLARGO ชำระค่าขายคืนหน่วยลงทุนทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน
(1.2) SCBADAGIO และ SCBMBOND ชำระค่าขายคืนหน่วยลงทุนทั้งหมดจาก mirror fund หลังหักค่าใช้จ่ายให้แก่ ผู้ถือหน่วยลงทุน
2. กองทุน SCBADAGIO และ SCBMBOND เข้าสู่กระบวนการชำระบัญชี และทยอยชำระค่าขายคืนหน่วยลงทุนในส่วน side-pocketed fund ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน เมื่อกองทุนหลักสามารถขายสินทรัพย์และคืนเงินมายังกองทุนได้
บริษัทจัดการขอขอบพระคุณที่ท่านผู้ถือหน่วยได้ให้ความไว้วางใจในการดูแลการลงทุนตลอดมา หากท่าน ผู้ถือหน่วยต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 0-2777-7777 กด 0 กด 6 ทุกวันทำการระหว่างเวลา 08.30 – 17.00 น.
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ประกาศ ณ วันที่ 19 ตุลาคม 2563
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด