Worldwide Wealth by SCBAM : Factor Investing กับปรากฏการณ์ผลตอบแทนในช่วงปีใหม่จีน (Chinese New Year)

19 ธันวาคม 2565

         ช่วงสิบปีที่ผ่านมา ‘ตลาดหุ้นจีน’ เป็นตลาดหุ้นที่นักลงทุนชาวไทยและนักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจเข้าไปลงทุนอย่างมาก เสน่ห์ความน่าดึงดูดของตลาดหุ้นจีนจึงอาจจะมาจากการที่ผลตอบแทนของตลาดเหวี่ยงขึ้นลงได้อย่างน่าตื่นเต้น ทำให้นักลงทุนที่จับจังหวะตลาดได้สามารถสร้างผลตอบแทนที่สูงได้ แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุดในเชิงพื้นฐานก็คือ จีนเป็นประเทศมหาอำนาจที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจากประเทศสหรัฐอเมริกา และตลาดหุ้นจีน (A-Share) ก็ยังมีมูลค่าตลาด (Market Capitalization) ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลกเช่นกัน

         ตลาดหุ้นในประเทศจีนที่นักลงทุนคุ้นหูกันและได้ยินบ่อยคือ Shanghai Stock Exchange และ Shenzhen Stock Exchange แต่เมื่อไม่นานมานี้ ในปี 2021 ประเทศจีนได้เปิดตลาดหุ้นแห่งที่ 3 คือ Beijing Stock Exchange เพื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (Small and Medium-Sized Enterprises: SMEs) สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศจีน และบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจมีการขยายตัวออกไปในทุกขนาดธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลางหรือขนาดเล็ก

         แม้ว่าในปี 2022 นี้ผลตอบแทนในตลาดหุ้นจีนทั้ง Shanghai Stock Exchange และ Shenzhen Stock Exchange จะสร้างผลตอบแทนได้ไม่ดีนัก เนื่องจากมาตรการ Zero Covid ทำให้เกิดการชะงักของกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ และจากนโยบายที่ออกมาจำกัดการดำเนินงานของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของจีน ซึ่งจะเห็นได้จากผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 2022 จนถึงเดือนพฤจิกายน ตลาด Shanghai Composite Index ปรับตัวลดลง -11.17% ขณะที่ตลาด Shenzhen Component Index ก็ปรับลดลง -24.22% แต่อย่างไรก็ตาม ตลาดจีนยังคงเป็นตลาดที่น่าสนใจ  เนื่องจากหุ้นในตลาดปรับราคาลงมามากจนสร้างความได้เปรียบเชิงความคุ้มค่า (Valuation) เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน รวมถึงนโยบายการลดอัตราส่วนสำรองขั้นต่ำ (RRR) ของธนาคารจีนที่ถูกประกาศใช้เพื่อให้ภาคการเงินเป็นตัวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้เมื่อจีนเข้าสู่ยุคหลังการระบาด Covid-19

         อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจและใกล้จะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าคือ Chinese New Year Effect ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ Seasonal Effect ที่เด่นชัดและเกิดขึ้นในตลาดหุ้นจีนค่อนข้างจะสม่ำเสมอทุกปี โดยมักจะเกิดในช่วงปลายมกราคมยาวไปจนถึงปลายกุมภาพันธ์หรือต้นมีนาคม กล่าวคือ ในช่วงของ Chinese New Year ตลาดหุ้นจีนมักจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างชัดเจนมากกว่าช่วงอื่นๆ ของปี โดยจากภาพกราฟด้านล่างซึ่งอ้างอิงมากจากงานวิจัยของ Wolfe Research ได้แสดงการเปรียบเทียบผลตอบแทนรายเดือนเฉลี่ยจากทั้งปี, ผลตอบแทนเฉลี่ยเฉพาะเดือนกุมภาพันธ์ และผลตอบแทนเฉลี่ยเฉพาะช่วง Chinese New Year (เริ่มต้น 1 อาทิตย์ก่อนที่ตลาดจีนจะเปิดจนถึง 3 อาทิตย์หลังจากตลาดเปิด) ของตลาดจีน ซึ่งเราจะเห็นว่า Chinese New Year Effect สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าผลตอบแทนของเดือนอื่นๆ อย่างชัดเจน


         จากรูปด้านล่าง A) เมื่อดูผลตอบแทนในช่วง Chinese New Year จะเห็นได้ว่า ตั้งแต่ปี 2001 จนถึง 2021 มีเพียงแค่ 5 ปีจาก 20 ปีนี้เท่านั้น ที่ผลตอบแทนในช่วง Chinese New Year เป็นลบ

         เมื่อวิเคราะห์ผลตอบแทนในช่วง Chinese New Year ด้วย Factor Investing ทำให้เข้าใจได้มากขึ้นว่าหุ้นในกลุ่มหรือสไตล์ไหนที่มีความสามารถในการสร้างผลตอบแทนในช่วงนี้ จากรูปด้านล่าง B) แสดงถึง Factor ที่ Underperform ในช่วง Chinese New Year ซึ่งจะเห็นได้ว่า Factor กลุ่ม Defensive สไตล์เช่น Low Volatility, Large Cap, High Dividend Yield จะทำผลงานได้ไม่ดีในช่วงของ Chinese New Year

         ดังนั้นปรากฏการณ์ในช่วง Chinese New Year จึงเป็นช่วงที่นักลงทุนน่าจับตามองตลาดหุ้นจีน A Share เพราะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นได้เมื่อเทียบกับช่วงเวลาอื่นๆ ของปี ยิ่งไปกว่านั้นยังพบอีกด้วยว่าในช่วงเวลาดังกล่าว หุ้นในกลุ่ม High Risk, Low Quality หรือกลุ่ม Small Cap ยิ่งมีโอกาสที่จะ Outperform ตลาดหุ้นจีนได้อีกด้วย

 

โดย  คุณณรงค์ศักดิ์  ปลอดมีชัย​
        ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
        บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด​