ปี 2024 ยังมีหลายความท้าทายที่โลกการเงินและการลงทุนยังต้องพบอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2023 ซึ่งความท้าทายดังกล่าวเป็นสถานการณ์และเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องเฝ้าติดตามกันต่อ โดยเฉพาะใน 3 มิติหลัก นั่นคือ (1) ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical Risks) : ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังคงดำเนินอยู่ และโอกาสการเกิดข้อขัดแย้งใหม่ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน เกี่ยวกับประเด็นไต้หวัน รวมถึงความไม่สงบในตะวันออกกลางและหลายพื้นที่ของโลก ซึ่งล้วนมีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงต้นทุนพลังงาน อาหาร และโลหะอุตสาหกรรมที่สำคัญหลายชนิด (2) ความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ: แม้ว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจหลักจะเริ่มชะลอตัวลง แต่นักเศรษฐศาสตร์หลายท่านยังคาดการณ์ว่าภาวะเงินเฟ้อที่ร้อนแรงอาจย้อนกลับมาอีกรอบได้ในปีนี้ ซึ่งความไม่แน่นอนนี้อาจสร้างความผันผวนให้กับตลาดอย่างมีนัยสําคัญ (3) ความเสี่ยงทางการเมืองในหลายประเทศ: การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในหลายประเทศ ต่างมีแนวโน้มให้ผลลัพธ์ที่คาดเดาได้ยาก และอาจส่งผลกระทบต่อนโยบายของรัฐบาล รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศนั้นๆ ได้ นอกเหนือจากปัจจัยในข้างต้นแล้ว อาจมีสถานการณ์อื่นๆ ที่ไม่คาดคิด เช่น การระบาดของไวรัสใหม่, ภัยธรรมชาติรุนแรง, สงครามการค้าระหว่างประเทศ เป็นต้น ก็อาจเป็นความเสี่ยงซ้อนที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเช่นกัน
9 ปัจจัยระดับมหภาคสำคัญ ตัวแปรช่วยกำหนดกลยุทธ์การลงทุน
การลงทุนที่ดีควรมีการติดตามข้อมูลและประเมินสถานการณ์ของเศรษฐกิจตลอดเวลา เพื่อให้สามารถปรับกลยุทธ์การลงทุนได้ทันท่วงที ในเวลาที่เกิดปัจจัยลบเข้ามากระทบตลาดหุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงที่มีสถานการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์มาเกี่ยวข้อง ซึ่งจะมี 9 ปัจจัยสำคัญที่ควรคำนึงถึง คือ
อย่างไรก็ดี ในปี 2024 โลกการลงทุนอาจยังพบกับความผันผวน และความไม่แน่นอนของทิศทางลงทุน คล้ายกับการเดินทางในมหาสมุทรที่อาจต้องพบกับคลื่นลม ดังนั้น นักลงทุนจึงต้องเตรียมพร้อมเพื่อให้สามารถเดินหน้าฝ่าฟันพ้นความไม่แน่นอนต่างๆ ต่อไปได้อย่างมั่นคง อีกทั้ง การลงทุนจำเป็นต้องมีความยืดหยุ่น อดทน และเลือกใช้ยุทธวิธี รวมถึงทักษะการลงทุนในการรับมือกับสถานการณ์ เช่น หมั่นศึกษาหาความรู้และวิเคราะห์สถานการณ์อย่างรอบคอบทุกด้านเพื่อคาดการณ์ความเสี่ยงและโอกาส การกระจายความเสี่ยงลงทุนไปในหลายสินทรัพย์ ตั้งเป้าหมายการลงทุนในระยะยาว ไม่ติดกับดักการเก็งกําไรระยะสั้นมากจนเกินไป มีสติ สังเกตการณ์ และพร้อมปรับแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง และสุดท้าย เลือกลงทุนในกองทุนหุ้น Defensive หรือหุ้นที่มีความผันผวนต่ำ เช่น กองทุน Low Beta ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่ากองทุนหุ้นทั่วไป ก็จะมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจในระยะยาวได้
โดย คุณนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด