คุยเฟื่องเรื่องกองทุน : USD แข็งค่า ส่งผลต่อหุ้นกลุ่มตามประเทศเกิดใหม่อย่างไร

2 พฤศจิกายน 2561

        เวลานี้คงมีท่านนักลงทุนจำนวนไม่น้อย ที่พอร์ตลงทุนของตนได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลงอย่างรุนแรงของหุ้นในกลุ่มตลาดประเทศเกิดใหม่ ซึ่งดูจะเป็นภาพที่แตกต่างกับสิ่งที่คิดไว้เมื่อตอนต้นปีอย่างสิ้นเชิง จากที่นักลงทุนส่วนใหญ่ต่างคาดการณ์ว่าหุ้นกลุ่มตลาดเกิดใหม่จะเปรียบเสมือนขุมทรัพย์แห่งปี ที่ทุกคนพร้อมจะเทเงินเข้ามาลงทุนอย่างไม่ลังเลใจ

        หลายท่านคงสงสัยว่าแล้วเพราะอะไรในปีนี้หุ้นของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่จึงไม่เป็นไปตามที่ทุกคนคาดไว้ และเมื่อได้อ่านหรือฟังบทวิเคราะห์จากแหล่งต่างๆ  โดยหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทุกสำนักอ้างถึงก็คือ การแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

        คำถามต่อมาที่อาจจะเกิดขึ้นในใจท่านนักลงทุนว่าแล้วทำไมเมื่อเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น จึงส่งผลกระทบด้านลบต่อตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่ ทั้งที่จริงๆ แล้ว กลุ่มประเทศเหล่านี้มักอยู่ในสถานะผู้ส่งออกสินค้า น่าจะได้รับประโยชน์จากกำไรสินค้าส่งออกที่เพิ่มขึ้น เพราะเมื่อเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่า ราคาสินค้าที่ส่งออกเมื่อแปลงกลับมาเป็นสกุลเงินท้องถิ่นจะเสมือนมีราคาสูงขึ้น

        ผมจะขออธิบายแบบนี้ครับ ลักษณะการดำเนินธุรกิจของประเทศกลุ่มนี้ รายได้หลักจะมาจากการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรกรรม ซึ่งโดยปกติสินค้าโภคภัณฑ์จะซื้อขายกันด้วยเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นหลัก เพราะฉะนั้นในสายตาของนักลงทุนต่างชาติจะรู้สึกว่าสินค้ามีราคาสูงขึ้น เมื่อเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่า และตามหลักความสัมพันธ์ระหว่างอุปสงค์และอุปทาน เมื่อราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้น ความต้องการในสินค้านั้นจะลดลงและนำไปสู่การปรับลดราคาสินค้า ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้หลักของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่  

         

        นอกจากนี้ กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่มักมีหนี้สาธารณะรวมถึงหนี้ภาคเอกชนอยู่ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ภาระในการชำระหนี้เมื่อแปลงเป็นสกุลเงินท้องถิ่นคิดเป็นมูลค่าสูงขึ้นด้วย จากที่กล่าวมา 2 ปัจจัยหลักข้างต้นจึงถือเป็นชนวนสำคัญที่ส่งผลให้หุ้นในภูมิภาคนี้ปรับตัวลงเมื่อเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น

        อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงภาพรวมเศรษฐกิจของตลาดประเทศเกิดใหม่ในปัจจุบัน เทียบกับเมื่อครั้งหลังวิกฤติเศรษฐกิจพบว่า ภาระหนี้ส่วนใหญ่ที่อยู่ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ปรับลดลงแล้ว รวมถึงภาคอุตสาหกรรมและครัวเรือนที่แข็งแกร่งขึ้น ประกอบกับการดำเนินนโยบายทางการเงินที่รอบคอบ การส่งเสริมให้มีเสรีทางการค้ามากขึ้น ช่วยให้ประเทศเหล่านี้สามารถพึ่งพาตัวเองได้ และก้าวสู่การค้าระดับสากลมากขึ้น แม้จะยังมีความวิตกกังวลด้านการเมือง ความเสี่ยงเฉพาะตัวรายประเทศ และแรงกดดันจากประเทศมหาอำนาจอยู่บ้าง แต่ด้วยศักยภาพของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ที่ยังเป็นที่น่าสนใจ รวมถึงประโยชน์ด้านกระจายความเสี่ยงการลงทุน จึงมีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่ยังคอยจับตามองตลาดกลุ่มนี้

        อย่างไรก็ดี ด้วยสภาพตลาดในปัจจุบันที่มีความผันผวนสูง พอร์ตการลงทุนที่มุ่งเป้าไปยังตลาดใดตลาดหนึ่ง อาจเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมนัก การเลือกลงทุนในหลักทรัพย์รายตัวที่มีคุณภาพดีและมีศักยภาพในการเติบโตในอนาคตที่ค่อนข้างแน่นอนเป็นหลัก น่าจะเป็นทางเลือกที่ได้เปรียบกว่าสำหรับการลงทุนในยุคนี้นะครับ

 

โดย คุณณรงค์ศักดิ์  ปลอดมีชัย
       ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
       บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด