Worldwide Wealth by SCBAM : Private Assets แบบ Semi-liquid ทางเลือกลงทุนสินทรัพย์นอกตลาดที่มีสภาพคล่อง

16 มิถุนายน 2566

         ในช่วงปี 2022 ปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ สภาวะเงินเฟ้อสูง รวมถึงการปรับนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกได้สร้างแรงกดดันและความผันผวนต่อตลาดลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ทั่วโลกที่มีการซื้อขายในตลาดซื้อขายสาธารณะ (Public Assets) ซึ่งหากเป็นสถานการณ์โดยทั่วไป พอร์ตที่มีการลงทุนแบบผสมผสานทั้งในหุ้นและตราสารหนี้ จะสามารถช่วยลดความผันผวนโดยรวมของพอร์ตการลงทุนให้แก่นักลงทุนได้ เนื่องจากค่าสหสัมพันธ์ (Correlation) ของผลตอบแทนในอดีตระหว่าง 2 สินทรัพย์นี้มักจะแปรผกผันกัน

         อย่างไรก็ดี ปี 2022 นับว่าเป็นปีที่ไม่ได้ดีเท่าไหร่นักของพอร์ตการลงทุนที่เน้นลงทุนใน Public Assets เนื่องจากเป็นปีที่มีเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มสูงขึ้นรวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้การลงทุนทั้งในสินทรัพย์หุ้นและตราสารหนี้ แบบ Public Assets ต่างให้ผลตอบแทนติดลบ ในขณะที่ การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกอย่าง Private Assets กลับได้รับผลกระทบน้อยกว่า เนื่องจาก Private Assets มีความผันผวนที่ต่ำกว่าการลงทุนใน Public Assets 

         สำหรับนิยามโดยทั่วไปของ Private Assets คือ การลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด สามารถแบ่งเป็น Private Equity, Private Credit และ Private Real Assets ซึ่งในแง่ของสินทรัพย์การลงทุนก็จะมีลักษณะที่คล้ายกับการลงทุนใน Public Assets แตกต่างกันที่สินทรัพย์เหล่านี้ไม่ได้มีการซื้อขายในตลาดซื้อขายสาธารณะ (Public Exchange)  และมักเป็นเพียงการเจรจาซื้อขายนอกตลาดผ่านผู้จัดการสินทรัพย์นอกตลาดมืออาชีพ ซึ่งการลงทุนใน Private Assets มีข้อดีที่นอกจะช่วยเรื่องของการกระจายความเสี่ยงพอร์ตการลงทุนได้แล้ว นักลงทุนยังสามารถคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนที่มากขึ้นได้อีกด้วย โดยในอดีตที่ผ่านมา การลงทุนใน Private Equity สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าได้ในระยะยาวและมีความผันผวนที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนในดัชนีหุ้นโลก (MSCI World) ซึ่งการเสริมพอร์ตการลงทุนด้วย Private Assets จะช่วยให้พอร์ตการลงทุนนั้นมีผลตอบแทนที่ปรับด้วยความเสี่ยง (Risk Adjusted Return) ที่สูงขึ้นได้


         อย่างไรก็ดี แม้การลงทุนใน Private Assets จะมีความน่าสนใจในเรื่องของผลตอบแทนและเรื่องการกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุน แต่การที่นักลงทุนทั่วไปจะสามารถเข้าถึงการลงทุนในแบบ Private Assets ได้นั้น ยังทำได้ยาก เนื่องจาก การลงทุนในสินทรัพย์ประเภท Private Assets มักมีเงื่อนไขและข้อจำกัดในการลงทุนที่แตกต่างจากการลงทุนทั่วไป อาทิเช่น ระยะเวลาการลงทุน ที่จะมีการกำหนดช่วงเวลาถือครองและไม่สามารถไถ่ถอนเงินลงทุนก่อนเวลาที่กำหนดได้ (Lock-up Period) เป็นระยะเวลานาน ที่บางครั้งอาจยาวนานถึง 10 ปี รวมถึงการกำหนดเงินลงทุนเริ่มต้นที่ค่อนข้างสูง (Minimum Investment) โดยมีหลายกองทุนที่กำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำไว้ที่ 2 ล้านบาทขึ้นไป และส่วนใหญ่มักอยู่ในรูปแบบกองทุนปิด (Close-end Fund) ที่เมื่อระดมทุนได้ตามที่ต้องการแล้วก็จะไม่มีการเปิดให้นักลงทุนเข้าลงทุนเพิ่มเติมได้ ทั้งนี้ ลักษณะของ Private Assets ที่กล่าวมาข้างต้นนี้เป็นเพียงลักษณะเฉพาะของการลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาดแบบดั้งเดิม (Traditional Private Assets)

         ปัจจุบัน ประเทศไทยมีกองทุนรวม Private Assets แบบ Semi-liquid ที่เข้ามาช่วยลดข้อจำกัดของนักลงทุนรายบุคคลที่ต้องการลงทุนใน Private Assets แล้ว โดยนักลงทุนจะสามารถซื้อและขายหน่วยลงทุนได้เป็นรายเดือน และมีการกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำที่ลดลง อย่างไรก็ตาม กองทุนรวม Private Assets แบบ Semi-liquid นี้ ยังจัดเป็นกองทุนประเภทซับซ้อน ดังนั้น ผู้ลงทุนรายบุคคลที่จะสามารถลงทุนได้ จะต้องมีคุณสมบัติเป็นผู้ลงุทนรายใหญ่พิเศษตามเกณฑ์ที่ สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนดเท่านั้น

         ท้ายสุดนี้ ผมขอปิดท้ายบทความนี้ด้วยการเน้นย้ำกับนักลงทุนว่า “การลงทุนใน Private Assets เหมาะสมกับการลงทุนระยะยาว และเป็นการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน มิใช่ลงทุนเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมาก (ความเสี่ยงระดับ 8+) อีกทั้งสินทรัพย์การลงทุน รวมถึงกองทุนมีสภาพคล่องต่ำกว่าการลงทุนหรือกองทุนโดยทั่วไป นักลงทุนจึงต้องพิจารณาผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการลงทุนนะครับ”

 

         คำเตือน

         การลงทุนในกองทุนรวมมิใช่การฝากเงิน และผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต / กองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุน หรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ / ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง รวมถึงควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนตัดสินใจลงทุน ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลกองทุนและรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการที่ บลจ.ไทยพาณิชย์ หรือ SCBAM Client Relations โทร. 02 777 7777

 

 

โดย  คุณณรงค์ศักดิ์  ปลอดมีชัย​
        ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
        บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด​