Worldwide Wealth by SCBAM : หุ้นโลก – หุ้นไทยบนภาวะความกังวลต่อดอกเบี้ยขาขึ้น

15 มีนาคม 2566

         ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งตลาดหุ้นไทย ต่างยังตกอยู่ในภาวะความกังวลต่อดอกเบี้ยขาขึ้นระลอกใหม่ โดย SET Index ปรับฐานไป -3.4% จากต้นปี (YTD) และปรับตัวลงจากจุดสูงสุดของปีราว -4.7% ถือเป็นบรรยากาศการลงทุนที่ต้องระมัดระวัง และตามมาด้วยคำถามว่า “ปัจจัยลบดังกล่าวมีโอกาสที่จะนำไปสู่วิกฤตครั้งใหม่หรือไม่” และ “นักลงทุนจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรในภาวะเช่นนี้”

         ตลาดการเงินเริ่มกลับมาให้น้ำหนักต่อโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงกว่าเดิม ซึ่งข้อมูลจาก Fed Watch Tool ล่าสุด บ่งชี้ว่าดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯมีโอกาสขึ้นไปจุดสูงสุดที่ 5.25 – 5.50% สูงกว่ามุมมองเดิม ณ ต้นปี ที่ให้น้ำหนักที่ 5.00 – 5.25%


         และสูงกว่า Dot Plot จากการประชุม FOMC เดือนธันวาคมปีที่แล้ว ที่ 5.1% อย่างมีนัยสำคัญ มีสาเหตุมาจากทั้ง 1) อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯและยุโรปที่แม้จะยังคงแนวโน้มขาลงต่อเนื่องในเดือนมกราคม 2566

         แต่ตัวเลขที่สูงกว่าคาด ก็ถือเป็นสัญญาณเตือน และสะท้อนต่อความเสี่ยงว่าเงินเฟ้ออาจจะกลับมาเร่งตัวระลอกใหม่ และมีแนวโน้มที่จะทรงตัวในระดับสูงไปในระยะยาว ผสานกับ 2) การฟื้นตัวของภาคแรงงานสหรัฐฯที่เร็วเกินคาด จึงน่าจะสามารถรองรับนโยบายการเงินที่เข้มงวดได้มากขึ้น

         เงินเฟ้อที่ “ผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้ว” แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของการใช้มาตรการการเงินที่เข้มงวดในช่วงที่ผ่านมา และมองได้ว่าปัจจุบัน Fed อยู่บนทางแยกที่เปิดโอกาสให้สามารถเลือกที่จะ 1) เร่งใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดรุนแรงที่เคยส่งสัญญาณผ่าน Dot Plot อย่างเมื่อเดือนธันวาคม ของปีที่ผ่านมา เพื่อขจัดปัญหาเงินเฟ้อให้เบ็ดเสร็จ เด็ดขาดและยืดเยื้อน้อยที่สุด หรือ 2) เริ่มผ่อนนโยบาย โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว ซึ่งเป็นประเด็นที่ยากจะคาดเดาได้ ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ก็ต้องรอบทสรุปการประชุมในเดือนมีนาคมว่า Fed จะเลือกเดินไปในทิศทางใด แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการตัดสินใจจะยังมีความยืดหยุ่นไปตามสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา และนำไปสู่ปลายทางในการยุติปัญหาเงินเฟ้อ พร้อมกับการประคองเศรษฐกิจให้รอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้

         ในมุมของการลงทุน ปัจจัยลบที่เกิดขึ้นในระยะสั้นนี้ แม้จะส่งผลต่อตลาดหุ้นไทย และทำให้กระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดมากกว่า 5 หมื่นล้านบาท ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา จากปัญหาด้านสภาพคล่องในระบบและส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยไทยและต่างประเทศที่กว้างมากขึ้น  ก็ไม่น่าจะลดทอนความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทยในระยะยาวแต่อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากพิจารณาแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่เริ่มมีสัญญาณเชิงบวก ที่สะท้อนโอกาสการฟื้นตัวได้เร็วกว่าเดิม ภายหลังการเปิดประเทศอย่างเป็นทางการของจีน และเริ่มเห็นกิจกรรมในภาคเศรษฐกิจที่เข้าสู่จุดเร่งตัวในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งสะท้อนจากทั้งดัชนีภาคการผลิตและภาคบริการที่ฟื้นตัวเด่น รวมทั้งการเริ่มเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศของนักท่องเที่ยวจีนเป็นครั้งแรกหลังเกิดวิกฤต COVID-19 นอกจากนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจภายในประเทศของไทยที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป จากภาคการผลิตและการบริโภคการลงทุนจากภาครัฐเข้ามาช่วยเสริม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง ที่จะนำไปสู่การเดินหน้ามาตรการต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ดังนั้น ในจังหวะที่ตลาดหุ้นไทยผันผวนสูงและปรับฐานดังเช่นที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่กลับมาอีกครั้ง สำหรับการเลือกหุ้นพื้นฐานดีเพื่อลงทุนระยะยาว

 

 

โดย  คุณณรงค์ศักดิ์  ปลอดมีชัย​
        ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
        บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด​