ในช่วงที่เหลือของปี 2568 ตลาดหุ้นไทยจะยังคงเผชิญกับความผันผวน โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 3 แม้จะมีสัญญาณบวกจากการกลับเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ โดยในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมามีเงินทุนไหลเข้าสุทธิถึง 16,142 ล้านบาท สะท้อนความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นจากพัฒนาการของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับหลายประเทศ แม้สหรัฐฯ จะยังคงใช้นโยบายจัดเก็บภาษีนำเข้าสูง แต่ความชัดเจนของอัตราภาษีก็ช่วยให้นักลงทุนสามารถประเมินผลกระทบได้ดีขึ้น ขณะเดียวกัน การเจรจาระหว่างประเทศต่างๆ กับสหรัฐฯ ส่งผลให้อัตราภาษีลดลงจากช่วงแรกที่มีการประกาศ
ด้านปัจจัยภายในประเทศ ความไม่แน่นอนทางการเมืองยังคงเป็นประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะกรณีคลิปสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้นำกัมพูชาที่หลุดออกมา ซึ่งอาจนำไปสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ และมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง รวมถึงการยุบสภาในระยะเวลาอันใกล้
แม้เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มอ่อนแรงจากผลกระทบของมาตรการภาษีที่กดดันภาคส่งออก และระดับหนี้ครัวเรือนที่ยังสูง แต่รัฐบาลมีแนวโน้มเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การจัดสรรงบประมาณ 157,000 ล้านบาทในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน การจัดการน้ำ การส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” รวมถึงมาตรการช่วยเหลือผู้ส่งออกและผู้ประกอบการ SME การผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ชั่วคราว และการลดค่าไฟฟ้า ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ช่วยประคองเศรษฐกิจในภาพรวม
ตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมาได้สะท้อนความเสี่ยงต่างๆ ไปพอสมควร โดยดัชนีปรับตัวลดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว (-1.0 SD) และนักวิเคราะห์ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจและกำไรของบริษัทจดทะเบียนลงมาบางส่วนแล้ว หากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีแนวโน้มเปลี่ยนนโยบายสู่การผ่อนคลายมากขึ้นในช่วงเดือนกันยายน – ตุลาคม ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ จะเป็นปัจจัยบวกสำคัญที่ช่วยลดแรงกดดันจากภาษีศุลกากร และหากธนาคารแห่งประเทศไทยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม พร้อมกับความชัดเจนทางการเมืองในช่วงปลายไตรมาส 3 ก็จะเป็นแรงสนับสนุนให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวจากระดับปัจจุบัน ซึ่งยังคงซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และมีอัตราเงินปันผลอยู่ที่ระดับ 4% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจ
กล่าวโดยสรุป ตลาดหุ้นไทยในครึ่งปีหลังจะยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน แต่ก็มีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่องหากปัจจัยภายนอกและภายในประเทศคลี่คลาย นักลงทุนควรเน้นการกระจายความเสี่ยง เลือกลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง รายได้มั่นคง มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว รวมทั้งสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในระดับสูงรวมทั้งการบริหารพอร์ตอย่างมีวินัยและการลงทุนอย่างมีเหตุผลจะช่วยให้ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ได้อย่างมั่นคง นอกจากนี้ หากสภาวะเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนทางการเมืองเริ่มคลี่คลายตลาดหุ้นไทยอาจเป็นหนึ่งในตลาดที่ฟื้นตัวได้ดีในภูมิภาคเอเชียจาก Valuation ที่ยังอยู่ในระดับต่ำและผลตอบแทนจากเงินปันผลที่อยู่ในระดับสูง
โดย คุณณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด