สำหรับการลงทุนในช่วงนี้ ตลาดหุ้นออกจะผันผวนสักหน่อย มีให้ลุ้นเวลาตลาดปิดกันทุกวันว่าดัชนี SET จะขึ้นหรือลงยังไง แต่เพื่อนๆ อย่าเพิ่งท้อแท้หากคิดจะลงทุนกันนะครับ มิสเตอร์กองทุนอยู่ตรงนี้ เรามีเทคนิคการลงทุนดีๆ มาแนะนำกันเป็นประจำทุกเดือนครับ
การจะทำสิ่งใดให้สำเร็จสักอย่าง ความรอบรู้เป็นเรื่องสำคัญครับ การลงทุนก็เช่นกัน นอกจากการเริ่มออมเร็ว มีวินัยในการลงทุนแล้ว เรายังต้องรู้จักเครื่องมือที่ช่วยให้การลงทุนของเรามีประสิทธิภาพด้วย เพื่อสุดท้ายแล้ว การลงทุนของเราจะเติบโตอย่างมั่งคั่ง และ มั่นคงครับ และสำหรับเครื่องมือการลงทุนที่จะแนะนำกัน คือ การกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนครับ ซึ่งมีอยู่หลายวิธี อาทิเช่น การกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ที่หลายหลาย หรือ กระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ข้ามประเทศ หรือ ภูมิภาคต่างๆ ฯลฯ เพราะหากลงทุนแบบกระจุกตัวอยู่ในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง และมีวิกฤตเกิดขึ้นกับสินทรัพย์ที่เราลงทุนแล้ว ก็จะทำให้พอร์ตการลงทุนไม่เติบโตอย่างที่คิดได้ครับ
สำหรับในวันนี้ ที่มิสเตอร์กองทุนจะนำมาฝากกันคือ การกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ข้ามประเทศ หรือ ภูมิภาคต่างๆ ที่มีศักยภาพ และ มีแนวโน้มการเติบโตที่สูง แน่นอนครับ หากพูดถึงประเทศมหาอำนาจที่จะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจแล้ว จีนสามารถยืนผงาดได้อย่างเต็มภาคภูมิกันเลยทีเดียว
ทำไมต้องเป็นจีน ...
เศรษฐกิจจีนทวีความสำคัญในเวทีโลกมากขึ้นด้วยการก้าวขึ้นมาเป็นประเทศผู้ส่งออกอันดับ 1 และเป็นประเทศผู้ลงทุนอันดับ 2 ของโลก ตั้งแต่ปี 2015 และจีนได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนที่จะเป็นผู้สนับสนุนการค้าแบบเสรีสวนทางกับสหรัฐฯ ที่ดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้า นอกจากนี้ ในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 ที่ปิดฉากลงในวันที่ 24 ตุลาคม 2017 นายสี จิ้นผิงยังได้กล่าวถึงเป้าหมายการเป็นประเทศทรงอิทธิพลของโลกภายในปี 2050 ทั้งในด้านการค้า การลงทุน และการสนับสนุนการสร้างอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ ซึ่งเป็นนัยสำคัญว่าจีนจะดำเนินนโยบายเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบในระยะข้างหน้า
ในภาคของเศรษฐกิจจีนปี 2017 ก็โตเกินคาดที่ 6.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน ด้วยปัจจัยสนับสนุนภายในประเทศและการส่งออกที่แข็งแกร่ง ในปี 2017 ภาคการผลิตและกำไรภาคอุตสาหกรรมของจีนขยายตัวได้ดีโดยมีอุตสาหกรรมสินค้าไฮเทคเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ทำให้การลงทุนภายในประเทศโต 7.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน
เป็นไงครับ ดูแนวโน้มการเติบโตของประเทศจีนแล้ว น่าสนใจพอที่จะเริ่มกระจายการลงทุนของเราไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีน กันแล้วใช่ไหมครับ การที่เราจะกระจายสินทรัพย์การลงทุนไปยังประเทศใดประเทศหนึ่งได้ เพื่อนๆ ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าประเทศที่เราจะไปลงทุนมีแนวโน้มที่เติบโตอย่างไร และ มีความเสี่ยงใดที่จะส่งผลต่อการลงทุนของเราได้บ้าง อย่างเช่น ภาวการณ์เติบโตของเศรษฐกิจ ค่าเงิน หรือ อัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้นครับ
ซึ่งบลจ.ไทยพาณิชย์ ก็เห็นศักยภาพของประเทศจีนเช่นกัน เพราะเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มเติบโตอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว ผ่านนโยบายการปฏิรูปเศรษฐกิจ และการเปิดประเทศในทุกด้าน อีกทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ตัวเลขยอดค้าปลีก ภาคการส่งออก ผลประกอบการของบริษัทสัญชาติจีน มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น เป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจจีนได้เป็นอย่างดี มีจำนวน 2 กองทุน ได้แก่
กองทุนทั้ง 2 กองทุนนี้ มีความต่างกันอยู่ในเรื่องของความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน SCBCEH ลงทุน หรือมีไว้ในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า(Derivatives) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าทรัพย์สินที่ลงทุนในต่างประเทศ ส่วน SCBCE ไม่มีการลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า(Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ครับผม
นอกจาก 2 กองทุนที่แนะนำไปแล้ว ในเร็วๆ นี้ บลจ.ไทยพาณิชย์ก็วางแผนที่จะออกกองทุนที่ลงทุนในหุ้นจีนในทุกตลาดหลักทรัพย์ โดยไม่มีข้อจำกัด อย่าลืมติดตามกันนะครับ...เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนของเรา สำหรับในวันนี้ มิสเตอร์กองทุนขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการลงทุน เพื่อชีวิตวัยเกษียณที่มั่งคง อย่าลืมศึกษาข้อมูลการลงทุนให้รอบคอบก่อนลงทุนกันนะครับ สวัสดีครับ...
คำเตือน :