Trend การลงทุนเน้นรายได้ระหว่างทาง ใครไม่มีเดี๋ยวคุยกับเค้าไม่รู้เรื่องน้า...

24 กรกฎาคม 2560

เดี๋ยวนี้ท่านนักลงทุนคงเคยได้ยินคำว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน.”  จนเป็นคำฮิตติดหูกันไปแล้วนะครับ  ประโยคนี้ดูจะเป็นประโยคคำเตือนที่มาบ๊อยบ่อย กับทุกสื่อโฆษณาที่ออกจากกองทุนรวม   

ทำไมน่ะหรือครับ ... มิสเตอร์กองทุน เพื่อนรักนักลงทุนคนนี้ จะขอเล่าให้ฟัง  ก็เพราะต้องการเตือนนักลงทุนอย่างเราๆ นี่แหละครับ ที่มักลงทุน โดยมุ่งหวังผลกำไรจากการลงทุนเพียงอย่างเดียว  ซึ่งก็เป็นธรรมดาครับ เรามักจะลืมนึกถึงความเสี่ยงจากการลงทุนไปเลย  ว่าการที่เงินลงทุนของเราจะงอกเงยนั้น ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายๆ นะครับ มันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อาทิเช่น  ยอดขาย อัตรากำไร ฐานะการเงินของบริษัทที่เราลงทุน  รวมถึงปัจจัยภายนอก อย่างเช่น  ภาวะเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ที่อาจมีส่วนทำให้เงินลงทุนงอกเงย หรือถดถอย ยิ่งถ้านำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ ก็มีปัจจัยค่าเงินที่ต้องกังวลเพิ่มอีก

โอ๊ยยยย.. ยากเข้าไปอี๊ก ซึ่งปัจจัยส่วนใหญ่ เราไม่สามารถควบคุมได้  ใครจะทะเลาะกับใคร มีสงครามที่ไหน ตลาดที่ไหนขึ้นหรือตกเราไม่สามารถรู้อนาคตได้ 100%  เพียงแต่คาดการณ์ได้ระดับหนึ่ง  งั้นเตรียมใจกันครับ เมื่อเราตัดสินใจ เริ่มเดินทางในสายการลงทุน เราต้องพร้อมที่เดินข้ามภูเขาหลายลูกที่มีระดับความชัน (ความผันผวน) ที่แตกต่างกัน และฝ่าผันอุปสรรคที่แตกต่างกันไปตามเส้นทางการลงทุนที่เราเลือก เราจึงต้องหาตัวช่วย เพื่อให้ปลอดภัย และลดความเสี่ยงมากที่สุด 

วันนี้เรามาดู วิธีการกระจายความเสี่ยงในการเดินทางในยุทธภพการลงทุน กันครับ

เมื่อคิดจะลงทุน นอกจากตั้งเป้าหมายอัตราผลตอบแทนที่คาดหวังแล้ว เราต้องพิจารณาเรื่องความผันผวนที่เกิดขึ้นด้วยครับ เพราะความผันผวนอาจทำให้เราพลาดเป้าหมายการลงทุนนั่นเอง  ดังนั้นเหล่า Guru ทั้งหลายมักแนะนำให้เรา “กระจายความเสี่ยงจากการลงทุน”  ซึ่งเป็นการจัดสรรเงินลงทุนไปลงทุนในทรัพย์สินหลากหลายประเภท  เช่น ตราสารหนี้ (ตั๋วแลกเงิน, พันธบัตร, หุ้นกู้)   ตราสารทุน (หุ้น)  กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บ้าง ตามระดับผลตอบแทนที่คาดหวัง และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ 

ซึ่งในปัจจุบัน บลจ.ไทยพาณิชย์ ได้ออกแบบผลิตภัณฑ์ “กองทุน Multi asset income” เพื่อตอบสนองความต้องการของ
นักลงทุนที่เน้นการจัดสรรทรัพย์สินเพื่อกระจายความเสี่ยงจากการลงทุน แต่ไม่สะดวกในการแบ่งเงินไปลงทุนในกองนั้น กองนี้  และต้องคอยติดตามดูแลพอร์ตลงทุนหลายๆ พอร์ตด้วยตัวเอง  โดยกองทุนนี้ มีนโยบายการลงทุนผสมที่เน้นลงทุนในสินทรัพย์จากทั่วโลก  วัตถุประสงค์เพื่อสร้างกระแสเงินสดอย่างสม่ำเสมอ ตอบสนองความต้องการของนักลงทุนให้มีรายได้ระหว่างทาง และมีโอกาสรับผลตอบแทนตามเป้าหมายในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งสามารถลงทุนได้ในทุกช่วงสภาวะของตลาด

จริงๆ แล้ว กองทุน Multi asset income  เหมาะกับใครกันน้า...



บลจ.ไทยพาณิชย์ กับ 3 กองทุน Multi asset income  ตอบโจทย์นักลงทุนที่พร้อมเดินบนเส้นทางการลงทุนอย่างมีแผน  และต้องการรายได้ระหว่างลงทุน

ในช่วงแรกๆ กองทุนประเภท  Multi asset income บลจ.ไทยพาณิชย์เราออกกองทุนสำหรับนักลงทุนที่มิใช่รายย่อย คือกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล อินคัมพลัส ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (SCBGPLUS)  เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2559 โดยนักลงทุนจะต้องลงทุนครั้งแรกขั้นต่ำ 550,000 บาท ครั้งถัดไป 1,000 บาท   ณ ปัจจุบันกองทุนมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 28,400 ล้านบาท (ที่มา สมาคมบริษัทจัดการลงทุน ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย. 60) 

ต่อมากองทุนได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จึงได้ออกกองทุนเพื่อนักลงทุนรายย่อยมาอีก 2 กองทุน คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอลอินคัม (ชนิดรับซื้อคืนอัตโนมัติ) (SCBGIN)  เปิดขายเมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2560 โดยนักลงทุนจะต้องลงทุนครั้งแรกขั้นต่ำ 5,000 บาท ครั้งถัดไป 1,000 บาท   ณ ปัจจุบันกองทุนมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 30,514  ล้านบาท (ที่มา สมาคมบริษัทจัดการลงทุน ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย. 60)  และ ที่เปิดเสนอครั้งแรก หรือ IPO ล่าสุด เมื่อวันที่ 11-17 ก.ค. 2560 ที่ผ่านมาคือกองทุนกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ เวิลด์อินคัม (ชนิดรับซื้อคืนอัตโนมัติ) (SCBWIN)  ครั้งแรกขั้นต่ำ 5,000 บาท ครั้งถัดไป 1,000 บาท    


ทั้ง 3 กองทุนจะเน้นลงทุนในกองทุนหลัก ที่เป็นผู้จัดการกองทุนที่พร้อมด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ ที่คัดสรรมาอย่างดี  ดูได้จากผลการดำเนินงานย้อนหลังที่แต่ละกองทุนหลักทำได้ เน้นโอกาสสร้างรายได้ระหว่างการลงทุน เป็นรายเดือน ไม่เกินปีละ 12 ครั้ง  เรามาดูกันเลยครับว่า 3 กองทุนนี้มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

เมื่อรู้ความแตกต่างของทั้ง 3 กองทุน แล้ว อย่ารอช้า รีบไปลงทุนกันเถอะเรา แต่ก่อนจะลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อน ได้ที่นี่เลยครับ