Money DIY 4.0 by SCBAM: มุมมองการลงทุนตลาดหุ้นเวียดนาม ปี 2026: จุดเริ่มต้นของวัฏจักรการเติบโตใหม่

24 ธันวาคม 2568

            ปี 2025 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของตลาดหุ้นเวียดนาม ดัชนี VN-Index ปรับตัวขึ้นกว่า 30% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน พร้อมทำสถิติสูงสุดใหม่และสร้างผลตอบแทนบวกต่อเนื่องเป็นปีที่สาม ปัจจัยหนุนหลักมาจากความแข็งแกร่งของพื้นฐานเศรษฐกิจ ความชัดเจนด้านนโยบาย และความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนในประเทศ การปรับตัวเชิงบวกในปีนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่านจากการฟื้นตัวหลังวิกฤติสู่ช่วงเริ่มต้นของวัฏจักรการเติบโตใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวอย่างยั่งยืนในระยะกลางถึงยาว

            แรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจเวียดนามในระยะต่อไปคือการปฏิรูปเชิงโครงสร้างครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 40 ปี ภายใต้แผน “Doi Moi 2.0” ที่มุ่งยกระดับประเทศสู่เศรษฐกิจสมัยใหม่ โดยมีสี่เสาหลัก ได้แก่ การปฏิรูปภาครัฐเพื่อลดกฎระเบียบและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร การส่งเสริมภาคเอกชนให้เป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจ การยกระดับทุนมนุษย์และระบบการศึกษาเพื่อรองรับเศรษฐกิจยุคใหม่ และการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และดิจิทัล เพื่อสร้างความสามารถแข่งขันในระยะยาว แผนดังกล่าวจะช่วยเสริมบทบาทของภาคเอกชนและสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งเพื่อรองรับการเติบโตของ GDP ในระดับ 10% ต่อปีตามเป้าหมายของรัฐบาล

            จากการปฏิรูปเชิงโครงสร้างที่กล่าวมาข้างต้น เราสามารถสรุปเป็น ธีมการลงทุนสำคัญในปี 2026 ได้ 3 ด้านหลัก

            ด้านแรก คือ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ รัฐบาลเตรียมทุ่มงบกว่า VND 8,500 ล้านล้าน หรือคิดเป็นเม็ดเงินราว 10 ล้านล้านบาท ในช่วงห้าปีข้างหน้า เพื่อสร้างรถไฟความเร็วสูงสายเหนือ–ใต้ ทางด่วนกว่า 5,000 กิโลเมตร สนามบิน ท่าเรือ และโรงไฟฟ้า LNG การลงทุนมหาศาลนี้จะเป็นแรงหนุนสำคัญต่อหุ้นกลุ่มเหล็ก พลังงาน อสังหาริมทรัพย์ และธนาคาร ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของสินเชื่อและสภาพคล่องในระบบ

            ธีมที่สอง คือ การพัฒนาตลาดทุน ภาครัฐเดินหน้าปฏิรูปกฎเกณฑ์เพื่อยกระดับมาตรฐานสากล ทั้งการเปิดเผยข้อมูลตาม IFRS การยกเลิกระบบ Pre-funding ที่เคยจำกัดนักลงทุนต่างชาติให้วางเงินลงทุนเต็มจำนวนก่อนการซื้อหุ้น และการลดข้อจำกัดการถือครองหุ้นของต่างชาติ รวมถึงการปรับปรุงขั้นตอน IPO ให้รวดเร็วขึ้น ผลลัพธ์ คือ การปรับสถานะตลาดหุ้นเวียดนามจาก Frontier Market สู่ Emerging Market โดย FTSE Russell ซึ่งจะมีผลในเดือนกันยายน 2026 การยกระดับครั้งนี้คาดว่าจะดึงดูดเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามากกว่า 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือคิดเป็นเม็ดเงินราว 2 แสนล้านบาท นอกจากนั้นรัฐบาลเวียดนามยังตั้งเป้ารับการยกระดับโดย MSCI ภายในปี 2030 เพื่อเสริมบทบาทในตลาดทุนโลก หุ้นกลุ่มโบรกเกอร์และธนาคารที่มีธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จึงเป็นกลุ่มที่น่าจับตา

            ธีมสุดท้าย คือ การเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการบริโภคภายในประเทศ เวียดนามกำลังกลายเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวใหม่ในอาเซียน หลังจากรัฐบาลผ่อนคลายวีซ่าและปรับนโยบายเปิดประเทศ โดยตั้งเป้าต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 22 ล้านคนในปี 2026 และเพิ่มเป็น 30–35 ล้านคนต่อปีภายในปี 2030 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการเดินทางและแหล่งท่องเที่ยวใหม่จะส่งผลบวกต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับภาคขนส่งและการท่องเที่ยว ขณะเดียวกันรัฐบาลยังออกมาตรการกระตุ้นการบริโภค เช่น การปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา การขยายมาตรการลด VAT สำหรับสินค้า ICT และเครื่องใช้ไฟฟ้า การปราบปรามสินค้าเถื่อน และการเปิดเสรีตลาดทองคำ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภค

            แม้แนวโน้มโดยรวมจะสดใส แต่ความเสี่ยงยังคงมีอยู่โดยเฉพาะสถานะทางการเงินที่มีหนี้สินสูงมากของกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ในตลาด ความผันผวนจากการกู้ยืมเพื่อซื้อหุ้นและการใช้ Leverage ของนักลงทุนรายย่อยที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งอาจสร้างแรงขายมหาศาลหากความเชื่อมั่นเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ ความต้องการอสังหาริมทรัพย์อาจชะลอตัวหลังการฟื้นตัวและความตึงเครียดทางการค้ารวมถึงมาตรการภาษียังคงเป็นปัจจัยไม่แน่นอน

            โดยสรุป ปี 2026 ถือเป็นการเริ่มต้นบทใหม่ของตลาดหุ้นเวียดนาม ที่มีทั้งการปฏิรูปเชิงนโยบาย การพัฒนาตลาด และการมีส่วนร่วมเพิ่มขึ้นของนักลงทุนต่างชาติหลังจากการปรับสถานะเป็น Emerging Market จึงทำให้ทาง บลจ. ไทยพาณิชย์ ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นเวียดนาม และคาดว่า VN-Index ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ 1,900–2,000 จุดในปี 2026 ด้วยแนวโน้มกำไรที่คาดว่าจะเติบโตประมาณ 20% ในขณะที่อัตราส่วนราคาต่อกำไรที่คาดการณ์ไว้ (Forward Price to Earnings Ratio) ที่ 12 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ 14 เท่า และต่ำกว่าจุดสูงสุดในรอบตลาดกระทิงที่ 15–16 เท่า

 

โดย  คุณณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย
        ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
        บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด