ในยุคที่เศรษฐกิจโลกยังเผชิญกับความท้าทายทั้งจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐฯ นโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก อัตราเงินเฟ้อ สถานการณ์ตลาดแรงงานในหลายประเทศ รวมถึงแนวโน้มความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และปัจจัยภายนอกอื่น ๆ ที่ยากจะประเมินและควบคุมได้ ส่งผลให้ตลาดทุนโดยรวมยังคงผันผวน ดังนั้น หัวใจสำคัญที่จะช่วยให้การลงทุนประสบความสำเร็จได้ นอกจากการติดตามสถานการณ์ตลาดแล้ว การจัดพอร์ตลงทุนให้มีความยืดหยุ่นและมีการกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนในช่วงเวลานี้ และหนึ่งในเครื่องมือจัดพอร์ตที่ได้รับความนิยมสูงคือ กองทุนดัชนี หรือ Index Fund
รู้จัก Index Fund ตัวเลือกลงทุนสู้เศรษฐกิจป่วน
Index Fund เป็นกองทุนรวมที่มีการบริหารแบบเชิงรับ หรือที่เรียกว่า Passive Fund โดยจะลงทุนในหลักทรัพย์ทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมดที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีที่อ้างอิง เพื่อพยายามสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนให้ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงได้มากที่สุด ดังนั้น การลงทุนใน Index Fund จึงเสมือนการได้ลงทุนในหลักทรัพย์ทั้งตลาดของสินทรัพย์ประเภทนั้น โดยนักลงทุนไม่ต้องคัดเลือกหลักทรัพย์ลงทุนเป็นรายตัว ทำให้เป็นทางเลือกที่ง่ายสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายพอร์ตการลงทุนหรือไม่สะดวกติดตามวิเคราะห์ข้อมูลปัจจัยพื้นฐานของหลักทรัพย์รายตัว แต่ยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับการเติบโตของตลาด
ในปัจจุบัน Index Fund มีให้เลือกลงทุนหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นรายภูมิภาค รายประเทศ หรือแม้แต่เมกะเทรนด์ต่าง ๆ ซึ่งหนึ่งใน Index Fund ที่ทุกคนน่าจะรู้จักกันดี คือกองทุนดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่าง ดัชนี S&P 500 ซึ่งประกอบด้วยหุ้นของบริษัทชั้นนำ 500 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เช่น หุ้นจากบริษัทยักษ์ใหญ่ชื่อดังอย่าง Apple, Google, Microsoft, Tesla และ Amazon เป็นต้น หรือดัชนีอื่นของสหรัฐฯ เช่น Dow Jones หรือ NASDAQ-100 ก็มี Index Fund ให้เลือกลงทุนได้เช่นกัน นอกจากนี้ ยังมี Index Fund ที่อ้างอิงดัชนีอื่นอีกหลายประเทศทั่วโลก เช่น ดัชนี MSCI World (หุ้นประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลก) ดัชนี CSI 300 (หุ้นจีนแผ่นดินใหญ่) หรือดัชนีเจาะจงรายอุตสาหกรรม อย่างดัชนี BANK TRI ของ SET (หุ้นธุรกิจธนาคารของไทย)
3 ข้อน่าลงทุนกับ Index Fund
1. ความหลากหลายที่ช่วยกระจายความเสี่ยง : การลงทุนใน Index Fund ช่วยให้เงินลงทุนกระจายไปในหลักทรัพย์จำนวนมาก หรืออุตสาหกรรมต่าง ๆ หรือประเทศต่าง ๆ ทำให้ผลตอบแทนและความเสี่ยงของพอร์ตจะไม่กระจุกตัวในหลักทรัพย์ตัวใดตัวหนึ่ง ช่วยลดความเสียหายจากกรณีลงทุนแบบกระจุกตัว และผลตอบแทนไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ Index Fund ที่ลงทุนตามดัชนีต่างประเทศ มักมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย ซึ่งหากนักลงทุนลงทุนเองโดยตรงอาจทำได้ยาก
2. ค่าธรรมเนียมต่ำ : Index Fund มักจะมีค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการที่ต่ำกว่ากองทุนที่บริหารแบบเชิงรุก ด้วยเป้าหมายของกองทุนที่มุ่งสร้างผลตอบแทนไปตามดัชนีที่อ้างอิงเป็นหลัก ผู้จัดการกองทุนจึงไม่ได้ต้องทำการวิเคราะห์เชิงลึกในการเฟ้นหาหลักทรัพย์รายตัวเพื่อลงทุน แต่เน้นการลงทุนตามดัชนีที่อ้างอิง
3. ผลตอบแทนที่สอดคล้องกับตลาด : ง่ายในการติดตามทิศทางผลการดำเนินงานของกองทุน เนื่องจากปรับตัวตามดัชนีอ้างอิง ซึ่งข้อมูลราคาและข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับดัชนีต่าง ๆ จะมีการเผยแพร่เป็นสาธารณะ รวมถึงนักลงทุนสามารถคาดการณ์ผลตอบแทนจากการลงทุนได้ง่ายกว่าการลงทุนในกองทุนแบบเชิงรุกที่มุ่งสร้างผลตอบแทนต่างจากตลาด
2 เทคนิคลงทุน Index Fund สร้างโอกาสให้ผลตอบแทนที่ใช่
การลงทุนกับ Index Fund แบบระยะยาวจะมีโอกาสเห็นภาพการเติบโตของผลตอบแทนได้ดี ซึ่งนักลงทุนสามารถนำ 2 เทคนิคไปปรับใช้ได้ นั่นคือ
1. ลงทุนแบบ Dollar-Cost Averaging (DCA) คือการลงทุนในจำนวนเงินที่เท่ากันทุกเดือนหรือทุกครั้งอย่างสม่ำเสมอ ช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาตลาด อีกทั้งยังช่วยสร้างวินัยให้กับการลงทุนด้วย
2. ตั้งเป้าหมายลงทุนระยะยาว ช่วยลดผลกระทบระยะสั้นจากความผันผวนของภาวะการลงทุน เพราะดัชนีอ้างอิงและกองทุนดัชนีโดยส่วนใหญ่ จะมีการปรับสมดุลน้ำหนักการลงทุน (Rebalance) หรือปรับปรุงรายชื่อหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีให้มีความเหมาะสมเป็นประจำสม่ำเสมอ ช่วยให้พอร์ตการลงทุนของ Index Fund เสมือนมีหลักทรัพย์ที่มีคุณภาพอยู่ตลอด จึงช่วยเสริมศักยภาพและมีโอกาสสร้างการเติบโตให้กับเงินลงทุนในระยะยาว
ทั้งหมดนี้ จึงเป็นที่มาของคำตอบที่ว่า Index Fund เป็นตัวเลือกการลงทุนที่ช่วยกระจายความเสี่ยง และทำให้พอร์ตการลงทุนสามารถรับมือและยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ท้าทายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การลงทุนในกองทุนรวมมิใช่การฝากเงิน และผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต / ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง รวมถึงควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนตัดสินใจลงทุน สอบถามข้อมูลและรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการที่ บลจ.ไทยพาณิชย์ หรือ SCBAM Client Relations โทร. 0 2777 7777
โดย คุณศุภรัตน์ อารีย์วงศ์
Executive Director กลุ่มกลยุทธ์การตลาดและผลิตภัณฑ์การลงทุน
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด