Money DIY 4.0 by SCBAM : ESG Rating เกณฑ์ลงทุนที่ยั่งยืนสำหรับกลุ่มดัชนีอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง

19 เมษายน 2567

            “การสรรหาการลงทุนยุคนี้  นักลงทุนหันมาให้ความสำคัญกับ ESG (Environment, Social, Government) ในการลงทุนมากขึ้น สอดคล้องกับที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) และบริษัทจดทะเบียน ต่างจับมือ ส่งเสริม หรือมีมาตรการยกระดับความน่าสนใจของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ อาทิเช่น  SET ESG Rating การส่งเสริมการจัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน ที่สามารถลดหย่อนภาษีเงินได้” 

ปัจจุบัน นอกเหนือจากการพิจารณางบการเงินของบริษัทในตลาดหุ้นแล้วนั้น ในภาวะที่ตลาดหุ้นผันผวน การจะเลือกหุ้นเข้าลงทุน นักลงทุนควรต้องดูข้อมูลอย่างรอบด้าน เพื่อมั่นใจว่าเงินทุนไม่หาย กำไรไม่หด รวมถึงเงินลงทุนจะต้องปลอดภัยและเติบโตได้ในระยะยาวด้วย  ดังนั้นการดูงบการเงินอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ  ข้อมูล SET ESG Rating ที่ตลาดหลักทรัพย์จัดเตรียมไว้  จึงเป็นประโยชน์ต่อการคัดเลือกบริษัทเพื่อลงทุนได้อย่างยั่งยืน

            SET ESG Rating ได้มาจากการประเมินผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของแต่ละบริษัทจดทะเบียนทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล เพื่อให้เปรียบเทียบข้อมูล ESG ของแต่ละบริษัทได้ง่ายยิ่งขึ้น  โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จะคัดเลือกบริษัทจดทะเบียนที่มีคุณภาพที่ผ่านการประเมิน 2 ด่าน คือ ข้อมูลผลการดำเนินงานด้าน E และ S และ G อย่างน้อย 50 คะแนน และมีคุณสมบัติเป็นไปตามเกณฑ์ คือ มีกำไรสุทธิอย่างน้อย 3 ใน 5 ปีล่าสุด  ไม่มีการซื้อขายที่ผิดปกติ  ไม่ส่งงบการเงินล่าช้า ไม่ถูกลงโทษในประเด็น ESG  โดยการประเมิน Rating ของ SET จะประเมินโดยใช้คำถาม 2 ประเภท คือ 1) คำถามทั่วไปสำหรับทุกบริษัทจดทะเบียน อาทิ  การกำหนดนโยบายที่ครอบคลุม ESG  การกำหนดเป้าหมายและกระบวนการ การติดตามประเมินผล และวัดผล   และ 2) คำถามตาม 8 กลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อพัฒนาการจัดการแบบยั่งยืนได้ตรงตามลักษณะของธุรกิจได้อย่างชัดเจน

            สำหรับธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์  หรือ ในกลุ่มดัชนีอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (PROPCON) ซึ่งประกอบไปด้วย กลุ่มอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง(CONMAT) กลุ่มอุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (PROP) และกลุ่มอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้าง(CON) จะมีการประเมินโดยให้น้ำหนัก เชิงเศรษฐกิจ 35 คะแนน เชิงสิ่งแวดล้อม  30 คะแนน และเชิงสังคม 35 คะแนน

            ซึ่งบริษัทที่ผ่านการประเมิน SET ESG Rating จะมีระดับคะแนนปรากฏบน website SET โดยแบ่ง Rating ตามคะแนนที่ได้รับการประเมิน เช่น คะแนนประเมินที่ 90-100 จะได้รับ Rating ที่ AAA คะแนนประเมินที่ 80-89 จะได้รับ Rating ที่ AA คะแนนประเมินที่ 65-79 จะได้รับ Rating ที่ A และคะแนนประเมินที่ 50-64 จะได้รับ Rating ที่ BBB ตามลำดับ ซึ่ง SET จะมีการทบทวนผลการประเมินอย่างต่อเนื่อง  หากบริษัทใดมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด  SET สามารถพิจารณาถอด SET ESG Ratings ระหว่างปีได้ ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถดูข้อมูลได้ที่หลายช่องทางดังนี้

           อย่างไรก็ดี ความมุ่งมั่นของบริษัทจดทะเบียนต่างๆ ข้างต้น ถือเป็นความร่วมมือสำคัญที่จะส่งเสริมตลาดทุนไทยให้เกิดความยั่งยืน ซึ่งปี 2566 มีจำนวนบริษัทที่เข้าร่วมการประเมินถึง 262 บริษัท และผ่านการประเมิน 193 บริษัท ซึ่งนับวันจะยิ่งมีจำนวนบริษัทที่ร่วมการประเมินมากขึ้นๆ ถ้านับจากจุดเริ่มต้นที่ปี 2558 ที่ผ่านการประเมิน 51 บริษัท จากบริษัทที่เข้าร่วม 100 บริษัท โดยประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นต่อบริษัท คือ เมื่อบริษัทได้ ESG Rating สูงนักลงทุนจะเชื่อมั่น และต้องการเข้ามาลงทุน  ในขณะที่ หากบริษัทยังไม่ได้ ESG Rating ก็สามารถใช้ SET ESG Rating เป็น Benchmark ในการพัฒนาบริษัทต่อไปได้ ส่วนนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ก็สามารถใช้ ESG Rating ในการประเมินมูลค่าหุ้น และใส่รายงานวิจัยเพื่อแนะนำการลงทุนแก่ลูกค้า

 

โดย  คุณณรงค์ศักดิ์  ปลอดมีชัย
        ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
        บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด