มันนี่ ดีไอวาย 4.0 by SCBAM : ปัจจัยในการพิจารณาก่อนลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน

10 กันยายน 2562

       กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund หรือกองทุน IFF) ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งในปี 2554  เป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่งที่จัดตั้งขึ้นเพื่อระดมทุนจากผู้ลงทุนทั่วไป ทั้งรายย่อยและสถาบัน เพื่อนำเงินไปลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะในวงกว้างของประเทศไทย โดยกิจการโครงสร้างพื้นฐานต้องเป็นกิจการที่มีความจำเป็นและมีประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ เป็นการเพิ่มบทบาทของตลาดทุนซึ่งเป็นช่องทางในการระดมทุนของภาครัฐวิสาหกิจและภาคเอกชนในการพัฒนากิจการโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ได้ รวมถึงเป็นการเพิ่มทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจให้กับนักลงทุนโดยทั่วไป โดยการลงทุนที่กล่าวถึงนี้ มีระดับความเสี่ยงที่ระดับ 7 จึงเหมาะสำหรับการลงทุนระยะกลางถึงยาว

       การเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกของกองทุน IFF (Initial Public Offering: IPO) นั้น บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (“บลจ.”) จะขายหน่วยลงทุนผ่านช่องทางต่างๆ เช่น บลจ.ขายเอง หรือขายผ่านธนาคารพาณิชย์ หรือบริษัทหลักทรัพย์ เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อให้หน่วยลงทุนได้กระจายสู่ผู้ลงทุนรายย่อยอย่างกว้างขวาง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จึงวางหลักเกณฑ์ ให้ บลจ. ใช้กระบวนการจัดสรรหน่วยลงทุนที่ให้โอกาสแก่ผู้จองซื้อรายย่อยทุกรายอย่างเป็นธรรม กล่าวคือ กระบวนการที่ผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์หรือบริษัทจัดการกำหนดหน่วยการจองซื้อไว้ (Board Lot) และจัดสรรหน่วยลงทุนให้แก่ผู้จองซื้อรายย่อยทุกรายอย่างเท่าเทียมกัน ครั้งละหนึ่งหน่วยการจองซื้อจนครบจำนวนหน่วยลงทุนที่จำหน่าย (Small lot first) หรือกระบวนการอื่นที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต.

       นอกจากนี้ ยังไม่อนุญาตให้นักลงทุนรายใดรายหนึ่งหรือกลุ่มบุคคลเดียวกันถือหน่วยลงทุนเกินกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนหน่วยลงทุนทั้งหมดของกองทุนนั้นด้วย (ยกเว้นกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการกองทุนประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป และนิติบุคคลไทยที่ไม่อยู่ภายใต้บังคับต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคค สามารถถือหน่วยลงทุนได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของจำนวนหน่วยลงทุนทั้งหมดของกองทุน)

       หลังจากผ่านช่วง IPO ไปแล้ว หน่วยลงทุนของกองทุน IFF จะซื้อขายได้ผ่านช่องทางตลาดรอง หรือในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งผู้ลงทุนจะต้องเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ เช่นเดียวกับการซื้อขายหุ้น ทั้งนี้ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานจะถูกจัดหมวดการซื้อขายไว้ตามประเภทของกิจการโครงสร้างพื้นฐาน เช่น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานที่ลงทุนในกิจการประปาจะซื้อขายอยู่ในหมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค (ENERG) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานที่ลงทุนในกิจการสื่อสารและโทรคมนาคมจะซื้อขายอยู่ในหมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) เป็นต้

สำหรับข้อพิจารณาก่อนการลงทุน มีดังนี้

1) กิจการที่นำมาจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจก่อนว่ากิจการโครงสร้างพื้นฐานที่นำมาจัดตั้งกองทุนนั้นมีลักษณะการเข้าลงทุนในทรัพย์สินและได้รับรายได้จากกิจการประเภทใด ซึ่งมีผลต่อผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนจะได้รับ ยกตัวอย่างเช่น กิจการบางประเภทจะมีผลตอบแทนตามปริมาณการใช้จริง (Demand Payment) เช่น โครงการทางพิเศษที่รายได้ของกิจการโครงสร้างพื้นฐานจะขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ใช้ทางด่วน หรือ ได้รับกระแสรายได้จากการให้เช่าระยะยาว  หรือ ลงทุนในสิทธิในรายได้สุทธิ หรือลงทุนในหุ้นลงทุนของบริษัทที่ประกอบกิจการโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น และในบางครั้งกองทุน IFF อาจมีการลงทุนในโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง (Greenfield Project) ซึ่งมีความเสี่ยงในเรื่องความล่าช้าหรือต้นทุนของโครงการ มากกว่าโครงการที่สร้างเสร็จและมีรายได้แล้ว (Brownfield Project) ผู้ลงทุนจึงควรให้ความสำคัญกับความคืบหน้าในการก่อสร้างของโครงการด้วย

2) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานสามารถกู้ยืมเงินได้ไม่เกิน 3 เท่าของส่วนทุน ดังนั้นสภาวะตลาดเงินทั้งในและต่างประเทศ จะมีผลต่อต้นทุนทางการเงิน และผลการดำเนินงานของกองทุน IFF ที่มีการกู้ยืม

3) การแบ่งชนิดของหน่วยลงทุนของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน 1 กองทุนสามารถแบ่งชนิดของหน่วยลงทุนเพื่อเสนอขายให้ผู้ลงทุนแต่ละประเภทได้ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจกับสิทธิและข้อจำกัดของหน่วยลงทุนแต่ละประเภทที่ บลจ. ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนด้วย

4) ความเสี่ยงในด้านสภาพคล่องการซื้อขาย และราคาหน่วยลงทุนที่อาจลดลง เนื่องจากหน่วยลงทุนของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (กรณีลงทุนในโครงการโครงการที่สร้างเสร็จและมีรายได้แล้ว) ต้องเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ผู้ลงทุนอาจเผชิญกับความเสี่ยงในการด้านของสภาพคล่องในการซื้อขายของหน่วยลงทุน นอกจากนี้ ราคาซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นราคาที่เกิดจากกลไกตลาด ซึ่งขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งอาจมีปัจจัยหลายด้านเข้ามากระทบ ตั้งแต่เรื่องภาวะเศรษฐกิจ การเมือง หรือแนวโน้มของอุตสาหกรรมของกิจการโครงสร้างพื้นฐาน

อย่างที่ผมเคยบอกไว้เสมอนะครับ การลงทุนมีความเสี่ยง เพื่อประโยชน์ต่อตัวท่านเองผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน ควรประเมินตนเองว่าเหมาะสมกับการลงทุนและความเสี่ยงระดับใด ทำความเข้าใจลักษณะกองทุนที่สนใจก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน โดยต้องศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนอย่างละเอียดเกี่ยวกับนโยบายการลงทุน รายละเอียดของกิจการโครงสร้างพื้นฐานที่กองทุนจะลงทุน ปัจจัยความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูว่าผลตอบแทนของกองทุนขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไร นโยบายการจ่ายเงินปันผล ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่างๆ และควรสอบถามข้อมูลจาก บลจ. หรือตัวแทนขายก่อนตัดสินใจลงทุนด้วยนะครับ

 

โดย คุณณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย​
        ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร​
        บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด