SHARE
“ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านผ่อนคลายลง”
ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวน จากเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน ที่ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งลอบสังหารนายพล กัสเซม โซไลมานี่ ซึ่งเป็นนายพลคนสำคัญของอิหร่านในวันที่ 3 ม.ค. 2563 ที่ผ่านมา ทำให้เป็นชนวนสำคัญในการเกิดความรุนแรงในครั้งนี้และอาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นในระยะสั้นได้ หลังจากนั้น วันที่ 8 ม.ค. 2563 ทางอิหร่านได้ยิงขีปนาวุธโจมตีค่ายทหารสหรัฐฯ 2 แห่งในอิรัก ซึ่งเป้าหมายคือฐานทัพอิน อัล-อาซาด แต่ไม่มีรายงานการได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์โจมตีครั้งนี้ ราคาน้ำมัน WTI จึงปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 60 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านผ่อนคลายลง
ตัวเลขดัชนี ISM Non-manufacturing ของสหรัฐฯ ในเดือน ธ.ค. สะท้อนเศรษฐกิจยังขยายตัวดี ตัวเลขดังกล่าวปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1 เป็น 55.0 จุด สูงสุดในรอบ 4 เดือน แม้ว่าตัวเลขด้านการจ้างงานจะปรับลดลง 0.3 จุดเป็น 55.2 จุด แต่ยังคงสะท้อนว่าการจ้างงานภาคบริการยังคงอยู่ในระดับที่ดีอยู่
ตัวเลขเศรษฐกิจของยุโรปในเดือน ธ.ค. สะท้อนเศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวช้า แม้ว่าตัวเลขความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ (Economic Confidence) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3 จุด เป็น 101.5 จุด เนื่องจากความเสี่ยงจากสงครามการค้าและการเจรจา Brexit มีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามตัวเลขด้านการผลิตยังไม่ฟื้นตัวมากนักประกอบกับตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence) เดือน ธ.ค. ปรับตัวลดลง 0.9 จุด เป็น -8.1 จุด ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2017 จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของจีนในเดือนธ.ค. ปรับตัวดีขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้อเดือน ธ.ค. ขยายตัว 4.5% ซึ่งเท่ากับเดือนก่อนนับเป็นการขยายตัวสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2012 ซึ่งเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นสูงจากราคาหมูที่ปรับตัวสูงขึ้นแรงในช่วงครึ่งหลังของปี 2019 ผ่านมาเป็นผลมาจากการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในหมู ซึ่งอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ในระดับ 2.9%YoY ในช่วงที่ผ่านมายังคงใกล้เคียงกับอยู่ในเป้าหมายเงินเฟ้อของ PBoC ที่ 3%
จับตาการลงนามการค้า Phase 1 ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ภายในวันที่ 13-15 ม.ค.
กลยุทธ์การลงทุน
“ซื้อ” กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ออล ไชน่า อิควิตี้ (SCBCHEQA)
