Investment Compass มิถุนายน 2568: De-escalation

17 มิถุนายน 2568

          De-escalation: ความตึงเครียดของสงครามการค้า คลายตัวลงไป เมื่อสหรัฐฯ และจีน ตกลงที่จะระงับการใช้ภาษีตอบโต้ระหว่างกันในเดือน พ.ค. ประกอบกับ ความกังวลเรื่อง US Recession ก็ลดลงเช่นเดียวกัน สะท้อนจากคาดการณ์ GDP 2Q25 ของสหรัฐฯ จาก GDPNow ที่ล่าสุด คาดว่าจะโตสูงถึง 4.6% QoQ (ข้อมูล ณ วันที่ 2 มิ.ย.) ทำให้บรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเมื่อเดือนที่ผ่านมา เป็นบวกมากขึ้น

          The Clock is Ticking: ระยะเวลาเลื่อนขึ้น Reciprocal Tariff 90 วันกับหลายประเทศส่วนใหญ่ กำลังจะครบกำหนดในช่วงต้นเดือน ก.ค.นี้ ในขณะที่หลายประเทศในตอนนี้ ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ ได้ ทำให้เมื่อเวลาเส้นตาย ใกล้เข้ามา ตลาดหุ้นโลกมีโอกาสผันผวนสูงขึ้นได้ เพราะผลลัพธ์ของการเจรจาการค้ายังมีความไม่แน่นอน

          Stretched Valuation: ปัจจัยการลงทุนที่เป็นบวกมากขึ้น ช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัว ทำให้ระดับดัชนีของตลาดหุ้นหลายแห่ง กลับมาอยู่สูงกว่าระดับเมื่อวันที่ 2 เม.ย. หรือ Liberation Day ที่คุณ Trump ประกาศ Reciprocal Tariffs แล้ว ขณะที่ Valuation เชิง P/E Ratio ของตลาดหุ้นหลัก เช่น S&P 500 ของสหรัฐฯ เริ่มเข้าสู่โซนตึงตัว เราประเมินว่า ในระยะถัดไป ความผันผวนจะเพิ่มสูงขึ้นจากแรงขายทำกำไร กลยุทธ์ในเดือนนี้ เน้นรอย่อก่อนแล้วเข้าสะสม มากกว่าที่จะรีบซื้อไล่ตามราคาที่ปรับตัวขึ้น

 

Strategy & Investment Theme

  • Focus on Quality คาดว่า หุ้นที่มีปัจจัยด้านคุณภาพโดดเด่น เช่น ผลประกอบการโตอย่างสม่ำเสมอ, ROE สูง, อัตราการกู้ยืมต่ำ เป็นต้น จะมีความทนทานช่วงที่ตลาดหุ้นโลกมีความผันผวนสูงขึ้น หรือหากหุ้นโลก (MSCI World) ยังมีโมเมนตัมของการปรับตัวขึ้นต่อในเดือนนี้ คาดว่า หุ้นกลุ่ม Quality ก็มีโอกาสที่จะปรับขึ้นได้ตามภาวะตลาดหุ้นโลกเช่นเดียวกัน
  • Technology & AI  กำไร 1Q25 ของกลุ่ม Tech เติบโตสูง, การประยุกต์ใช้ AI ในวงกว้างขึ้นเป็นแรงขับเคลื่อนระยะยาว
  • S.Korea Equity หาจังหวะทยอยสะสมเมื่อราคาย่อตัวลงมา ปัจจัยบวกของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ คือ ปัจจัยการเมืองมีความชัดเจน และการปฏิรูปตลาดทุนน่าจะเห็นผลมากขึ้นจากนี้

 

Asset Allocation & Model Port

  • โมเมนตัมของตลาดหุ้นโลกในเดือนที่ผ่านมา ถือว่าฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่เราคาด แต่นั่นก็ทำให้ ความเสี่ยงของการขายทำกำไรเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เราคงมุมมองเดิมว่า ความผันผวนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในระยะถัดไป เมื่อตลาดหุ้นโลกรับรู้ข่าวดีไปพอสมควรแล้ว และ Valuation ของตลาดหุ้นบางแห่ง เริ่มกลับมาตึงตัว ทำให้ Upside ระยะสั้น ค่อนข้างจำกัด ในทางกลับกัน เรามองว่า Downside ก็ไม่น่าจะลงลึกมาก หากปัจจัยเรื่อง Tariff ไม่ได้ยกระดับความรุนแรงขึ้นไปอย่างมีนัยสำคัญ ในเชิงกลยุทธ์ Asset Allocation เราให้น้ำหนัก Slightly Overweight กับหุ้น DM แต่เน้นไปที่กลุ่ม Quality (SCBGQUAL(A)) เพื่อรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น เสริมด้วยการ Trading หุ้นกลุ่ม Tech (SCBNDQ(A)) เพราะกลุ่ม Tech ยังคงเป็นกลุ่มผู้นำหลักในแง่ของการเติบโตของผลประกอบการงวด 1Q25

 

          ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง รวมถึงควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนตัดสินใจลงทุน กองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และขอรับหนังสือชี้ชวน ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขา หรือ บลจ.ไทยพาณิชย์ โทร. 02-777-7777  www.scbam.com