Fund Finder : High Quality มองหาหุ้นคุณภาพ ยามตลาดผันผวน

30 พฤษภาคม 2566

         กลุ่มหุ้นคุณภาพสูง (Quality) มีความน่าสนใจในบริบทของการลงทุนในปัจจุบัน เนื่องจากหุ้นกลุ่มนี้มีความสามารถในการส่งผ่านต้นทุนได้ดี (High Pricing Power) ทำให้ได้รับผลกระทบจำกัดจากสถานการณ์ปัจจุบันที่เงินเฟ้อผ่านจุดสูงสุดไปแล้วแต่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ สถิติในอดีตบ่งชี้ว่า หุ้นกลุ่มดังกล่าวสามารถทนทานได้ดีในสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวลงแต่ยังไม่ถดถอย  (Late Cycle) และมักปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างดีหลังจาก Fed ขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายไปแล้ว ทั้งนี้ ระยะสั้น มีความเสี่ยงที่ตลาดหุ้นโลกอาจพักฐาน เพราะขาดปัจจัยสนับสนุนใหม่ ขณะที่ประเด็นเพดานหนี้ แม้มีความคืบหน้าเชิงบวก แต่ยังต้องติดตามการโหวตในขั้นสุดท้าย ส่วนทิศทางดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ มุมมองตลาดเริ่มเปลี่ยนแปลงในระยะหลัง อย่างไรก็ดี เรามองเป็นโอกาสทยอยสะสมลงทุน หากราคาหุ้นปรับตัวลงมา กองทุนแนะนำ ได้แก่ SCBGQUAL และ SCBLEQ

Fund Finder

หุ้นคุณภาพสูงคืออะไร ? น่าสนใจอย่างไร ?

          หุ้นคุณภาพสูง เป็นกลุ่มที่มีคุณลักษณะเฉพาะตัวที่ดีโดดเด่นกว่าบริษัททั่วไปซึ่งอาจมีคำจำกัดความที่ค่อนข้างกว้าง แต่หากเราอ้างอิงกับทาง MSCI กำหนดให้คุณสมบัติสำคัญ 3 อย่างในการนิยามคำว่าหุ้นคุณภาพสูง (High Quality) ได้แก่  1) สร้างผลตอบแทนแก่ส่วนผู้ถือหุ้นสูง (High ROE)  2) กำไรบริษัทเติบโตสม่ำเสมอ (Stable Earnings Growth) และ 3) มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน ในระดับต่ำ (Low D/E) (Fig.1) จากการที่หุ้นคุณภาพมีลักษณะเด่นตามข้างต้นจึงทำให้มีความทนทานต่อสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว/ถดถอย ได้ดีกว่าตลาดโดยรวมและสามารถสร้างผลตอบแทนได้โดดเด่นในระยะยาว (Fig.2)

Fund Finder

แล้วทำไมต้องลงทุนตอนนี้?

            1) High Pricing Power : ถึงแม้แนวโน้มเงินเฟ้อจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แต่ยังทรงตัวระดับสูงและอาจชะลอตัวลงค่อนข้างช้าในระยะข้างหน้า (Fig.3) สอดคล้องกับค่าจ้างแรงงาน (Wage growth) ที่แม้ชะลอตัวลงแต่ยังขยายตัวในระดับสูง (Fig.4) ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตของบริษัทต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้น แต่หากบริษัทมีความสามารถในการส่งผ่านต้นทุนในระดับสูง (High Pricing Power) แนวโน้มกำไรก็จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยข้างต้นจำกัด โดยกลุ่มหุ้นคุณภาพทั่วโลกมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงและมีความผันผวนของกำไรต่ำ ซึ่งเป็นลักษณะสำคัญที่แสดงถึงความสามารถในการส่งผ่านต้นทุนสูงนั่นเอง (Fig.5) ดังนั้น กลุ่มหุ้นคุณภาพจึงเหมาะสำหรับการลงทุนในสภาวะเงินเฟ้อและต้นทุนที่ยังทรงตัวระดับสูง

Fund Finder

         2) Outperform in Late Cycle :  ถึงแม้นักลงทุนจะค่อนข้างกังวลต่อเศรษฐกิจถดถอยในปัจจุบัน แต่หากพิจารณาจาก 6 ตัวเลขสำคัญที่ NBER (National Bureau of Economic Research) ใช้ประเมินว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) อย่างเป็นทางการหรือไม่? ปรากฏว่า ณ ตอนนี้ ยังไม่ครบเงื่อนไขที่จะทำให้ NBER ประกาศ Recession (Fig.6) นอกจากนี้ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (ISM) ซึ่งถือเป็นดัชนีสำคัญในการชี้นำแนวโน้มเศรษฐกิจพบว่าภาคการผลิตแม้อยู่ในโซนหดตัวแต่เริ่มไม่ได้หดตัวลงต่อ ส่วนภาคบริการยังอยู่ในโซนขยายตัวได้ (Fig.7) ขณะที่ GDPNow ล่าสุด ยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาส 2/2023 สามารถขยายตัวได้ (Fig.8) ซึ่งหาก GDP ออกมาเป็นเช่นนั้นจริง แปลว่า เศรษฐกิจถดถอยเชิงเทคนิค (Technical recession) จะยังไม่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี และหาก Technical Recession จะเกิดขึ้นได้เร็วสุด GDP Growth ในไตรมาส 3 และ 4 จำเป็นต้องติดลบติดต่อกัน ซึ่งเรามองว่า ยังค่อนข้างห่างไกลกับช่วงเวลาปัจจุบัน ดังนั้น เราเชื่อว่ายังเร็วเกินไปที่จะกังวลต่อภาวะถดถอย ถึงแม้ว่าความเสี่ยงดังกล่าวจะเพิ่มสูงขึ้นก็ตาม เราคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังอยู่ในช่วงปลายวัฏจักร (Late Cycle) ซึ่งอาจกินระยะเวลาอีก 1-2 ไตรมาส ทั้งนี้ สถิติในอดีตช่วงปลายวัฏจักรถึงช่วงต้นเศรษฐกิจถดถอยในปี 2000-01, 2007-08 และ 2020 พบว่า กลุ่มหุ้นคุณภาพสามารถปรับตัวได้โดดเด่นกว่าตลาดหุ้นโลกโดยรวม (Fig.9)

Fund Finder

          3) Outperform in post rate hike cycle :  ระดับดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ล่าสุด (5.00-5.25%) กลับมาสูงกว่าระดับเงินเฟ้อทั่วไปสหรัฐฯ หรือ Headline CPI เดือน เม.ย. (+4.9%YoY) (Fig.10) มีความเป็นไปได้ที่ Fed จะหยุดขึ้นดอกเบี้ยเพื่อรอประเมินผลกระทบจากนโยบายการเงินก่อน ด้าน Policy Statement จากผลการประชุม Fed เดือน พ.ค. มีการส่งสัญญาณอาจหยุดขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปเช่นกัน ซึ่งหากพิจารณาจากสถิติช่วงเวลาหลัง Fed ขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายจนถึง Fed เริ่มลดดอกเบี้ยครั้งแรก ในช่วง 3 รอบหลังสุด คือ ปี 2000, 2006-07, 2018-19 ตามรูป (Fig.11/Fig.12/Fig.13) จะพบว่ากลุ่มหุ้นคุณภาพสูงมักปรับตัวได้โดดเด่นกว่าตลาดหุ้นโลก ดังนั้น รอบวัฏจักรดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในปัจจุบันค่อนข้างสนับสนุนการลงทุนกลุ่มหุ้นคุณภาพ  

Fund Finder

ความเสี่ยงและโอกาสในการจับจังหวะลงทุน

          เราประเมินว่า ตลาดหุ้นกลุ่มประเทศพัฒนา (DM) มีโอกาสพักฐานระยะสั้น เพราะขาดปัจจัยสนับสนุนใหม่ ส่วนประเด็นเพดานหนี้ (Debt Ceiling) สหรัฐฯ ล่าสุด การเจรจามีพัฒนาการเชิงบวกเพราะพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต สามารถตกลงกันได้ในหลักการแล้ว แต่ยังคงต้องติดตามการโหวตของสภาคองเกรสในขั้นสุดท้าย ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ในอดีตรอบปี 2011 จะพบว่าในช่วงที่ปัญหาดังกล่าวมีความไม่แน่นอนและสภาคองเกรสยังตกลงกันไม่ได้นั้น ส่งผลกดดันตลาดหุ้นระยะสั้น โดยตลาดหุ้นโลกปรับฐานลงราว 10-15% (Fig.14) ด้านทิศทางนโยบายการเงินของ Fed มุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงนี้ จากเดิม ตลาดมองว่า Fed จะหยุดขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ก่อนจะเริ่มลดดอกเบี้ยในไตรมาส 4 แต่ล่าสุด เริ่มเห็นการปรับคาดการณ์ของตลาด กลายเป็นว่า มีโอกาสที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือน มิ.ย.นี้ แปลว่า วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นอาจยังไม่จบ ด้วยมุมมองที่แปรเปลี่ยนไปเช่นนี้ อาจทำให้เกิดความผันผวนต่อทิศทางตลาดหุ้นโลกในระยะข้างหน้า อย่างไรก็ตาม หากตลาดหุ้นปรับตัวลงมาจากความเสี่ยงข้างต้น เรามองเป็นจังหวะที่ดีในการเริ่มเข้าไปทยอยสะสมลงทุนในกลุ่มหุ้นคุณภาพสูงตามปัจจัยสนับสนุนที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้

Fund Finder

กองทุนแนะนำ: SCBGQUAL และ SCBLEQ

สำหรับกองทุนที่มีคุณสมบัติคุณภาพสูงที่เราแนะนำมี 2 กองทุนด้วยกันได้แก่

           • SCBGQUAL : กองทุน Passive Fund ที่ไปอ้างอิงกับดัชนี iShares Edge MSCI World Quality Factor ETF ซึ่งมีการลงทุนกระจายลงในตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้วโดยจะมีการคัดเลือกกลุ่มหุ้นที่มีคุณภาพสูงเข้ามาในดัชนีด้วยการคัดเลือกจาก 3 ลักษณะสำคัญได้แก่ 1) สร้างผลตอบแทนแก่ส่วนผู้ถือหุ้นสูง (High ROE) 2) กำไรบริษัทเติบโตสม่ำเสมอ (Stable Earnings Growth) และ 3) มีระดับหนี้สินต่ำ (Low D/E) สำหรับจุดเด่นของกองทุนนี้คือการเป็นกองทุน Passive ทำให้มีค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการต่ำกว่ากองทุน Active ทั่วไปและสามารถสร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอระยะกลาง-ยาว

           • SCBLEQ : กองทุน Feeder Fund ที่มีกองทุนหลัก (Master Fund) ได้แก่ AB Low Volatility Equity Portfolio ซึ่งเป็น Active Fund โดยมีนโยบายการลงทุนที่ให้น้ำหนักการวิเคราะห์รายบริษัท (Bottom-up approach) โดยจะคัดเลือกบริษัทที่มีคุณภาพสูงและความผันผวนต่ำที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว แม้จุดเด่นหลักของกองทุนนี้จะเน้นไปที่หุ้นที่มีความผันผวนต่ำ แต่เราพบว่า หุ้นใน Top Holdings ของกองทุน มีคุณสมบัติที่เข้าข่ายตามเกณฑ์ High Quality ด้วยเช่นกัน (Fig.17) นอกจากนี้ กลุ่มหุ้น Low Volatility มีความน่าสนใจเพราะราคาหุ้นปรับตัวขึ้นช้ากว่าหรือ Laggard เมื่อเทียบกลุ่มหุ้นคุณภาพโดยรวม เราคาดว่า กลุ่ม Low Volatility น่าจะสามารถทนต่อแรงเสียดทานได้มากกว่าภาวะตลาดหุ้นโดยรวม หากเกิดการพักฐานในระยะข้างหน้า

Fund Finder

          ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง รวมถึงควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนตัดสินใจลงทุน กองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ 

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และขอรับหนังสือชี้ชวน ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขา หรือ บลจ.ไทยพาณิชย์ โทร. 02-777-7777  www.scbam.com