SHARE
ประเทศเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศเกิดใหม่ ที่มีความน่าสนใจสำหรับการลงทุนในระยะยาว จากแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อยู่ในระดับสูงกว่าประเทศในภูมิภาคเดียวกัน หนุนโดยนโยบายของรัฐบาลที่เน้นนโยบายการคลังแบบขาดดุล ด้วยโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ที่ส่งเสริมการขยายตัวของสังคมเมือง (Urbanization) ทั้งในจังหวัดหลักอย่างโฮจิมินต์ ฮานอย และจังหวัดเมืองรองอื่น ๆ ประกอบกับลักษณะโครงสร้างประชากรศาสตร์ที่มีสัดส่วนของประชากรวัยกลางคนเป็นหลัก จึงเป็นส่วนช่วยสนับสนุนการขยายตัวของภาคการผลิต การบริโภค และภาคอสังหาริมทรัพย์ ปัจจัยเหล่านี้ยังช่วยส่งเสริมให้เวียดนามเป็นเป้าหมายการลงทุนทางตรงจากภาคการผลิตทั่วโลก อาทิ อุตสาหกรรมรถยนต์และเซมิคอนดักเตอร์ เป็นต้น
ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา สภาวะการลงทุนของตลาดหุ้นเวียดนามนับว่ามีความผันผวนสูง โดยดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลงกว่าร้อยละ 30 ในปี 2022 นำโดยหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม (Industrials) และกลุ่มวัสดุ (Materials) ที่ปรับตัวลดลงกว่าร้อยละ 50 ในช่วงเวลาเดียวกัน ถูกกดดันจากทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกประเทศ โดยปัจจัยภายนอกประเทศ อาทิ การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ สถานการณ์ความไม่แน่นอนระหว่างรัสเซียและยูเครน การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่ยืดเยื้อ ตลอดจนนโยบายการควบคุมพรมแดนของประเทศจีนที่เข้มงวด และวิกฤติในตลาดเงินสกุลคริปโต ขณะที่ปัจจัยภายในมีจุดเริ่มต้นจากการดำเนินการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชันในประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคการธนาคารที่ผู้บริหารระดับสูงถูกควบคุมตัว มาตรการภาครัฐด้านอสังหาริมทรัพย์และที่ดินที่เข้มงวด รวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางเวียดนามเพื่อควบคุมระดับเงินเฟ้อและอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินดองที่อ่อนตัวลงมากเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลสืบเนื่องให้เกิดปัญหาสภาพคล่องในการตลาดการเงินในประเทศเวียดนาม ทั้งตลาดหุ้นที่สัดส่วนนักลงทุนรายย่อยกว่าร้อยละ 80 ของนักลงทุนในตลาด ปรับลดพอร์ตการลงทุนอย่างรวดเร็วทำให้เกิดปัญหา Margin call ในขณะที่หุ้นกู้ที่มีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ผลประกอบการอ่อนตัวลง ตามสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยและคิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 34 ของมูลค่าหุ้นกู้ที่ออกจำหน่าย
ทั้งนี้ เรายังคงมีมุมมองทางบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามและเห็นพัฒนาการของภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นที่ทยอยปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ หนุนโดยการเคลื่อนไหวของภาครัฐบาลที่เล็งเห็นปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ และทยอยเริ่มแก้ไข ภายหลังบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อันดับสองของเวียดนามผิดนัดชำระหุ้นกู้จากปัญหาสภาพคล่อง ด้วยการปรับปรุงมาตรการต่าง ๆ เกี่ยวกับหุ้นกู้ผ่าน Decree 08 ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหุ้นกู้ การแก้ไขร่างกฎหมายที่ดิน และมาตรการเกี่ยวกับการอนุมัติการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อลดระยะเวลาในการเริ่มพัฒนาโครงการใหม่ และเพิ่มสภาพคล่องในภาคอสังหาฯ ตลอดจนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางเวียดนามในเดือนที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 6-7% ระดับเงินเฟ้อที่คาดว่าผ่านพ้นจุดสูงสุดแล้วในไตรมาสหนึ่งของปีนี้ และจะทยอยปรับตัวลดลงในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมัน และสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นที่เริ่มจำกัด ค่าเงินสกุลดองที่ทยอยปรับตัวแข็งค่าขึ้น ตลอดจนการเปิดเมืองของประเทศจีนที่สนับสนุนทั้งภาคส่งออกสินค้าและภาคการท่องเที่ยว ล้วนส่งเสริมให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามทยอยปรับตัวดีขึ้น ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม เรายังคาดว่าตลาดหุ้นเวียดนามจะยังคงผันผวนในระยะสั้นจากประเด็นภายในประเทศ อาทิ นโยบายการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน และความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหุ้นกู้บางส่วน แต่สามารถทยอยสะสมเพื่อการลงทุนในระยะยาวจากพัฒนาการข้างต้น ประกอบกับการประเมินมูลค่าดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามอยู่ในระดับที่น่าสนใจที่ -1.4S.D. จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง นอกจากนี้ แนวโน้มการยกระดับตลาดหุ้นเวียดนามสู่ตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging market) ภายในสามปีข้างหน้าจากตลาดหุ้นชายขอบ (Frontier market) ตามการจัดประเภทของ MSCI ในปัจจุบันยังเป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุนอีกด้วย
จุดเด่นของกองทุน SCBVIET คือ การบริหารการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนได้ในทุกสถานการณ์ ผสมผสานด้วยสัดส่วนการลงทุนใน ETF Active Fund และหุ้นรายตัว โดยใช้ทั้งใช้การวิเคราะห์แบบ Top Down เพื่อเฟ้นหาและลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจและมีโอกาสเติบโตในแต่ละวัฏจักรทางเศรฐกิจ ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์แบบ Bottom Up ในการคัดเลือกหุ้นรายตัวสำหรับหุ้นที่ผู้จัดการกองทุนมี Conviction ที่ต่างจาก ETF และ Active Fund และใช้เป็นส่วนเติมเต็มในหุ้นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม โดยปรับมุมมองการลงทุนเป็นรายไตรมาสหรือหากมีการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ
คำเตือน การลงทุนมีความเสี่ยง และผลการดำเนินงานในอดีตมิได้ยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต รวมถึงกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ ดังนั้น ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยง รวมถึงควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนตัดสินใจลงทุน ศึกษาข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ www.scbam.com หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการได้ที่ บลจ.ไทยพาณิชย์ โทร. 02-777-7777
โดย คุณวโรฤทธิ์ จีระชน
Executive Director กลุ่มวิเคราะห์การลงทุน
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด
