CIO’s Talk ตอน “รู้ทันทุกสินทรัพย์ สร้างโอกาสการลงทุน”

18 มกราคม 2565

          สวัสดีปีใหม่นักลงทุนทุกท่านค่ะ ในปี 2021 ที่ผ่านมาถือเป็นปีที่ดีอีกปีของการลงทุนโดยเฉพาะการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยตลาดหุ้นโลกโดยรวมให้ผลตอบแทนสูงถึง 16.8% ซึ่งนับเป็นผลตอบแทนบวกติดต่อกันเป็นปีที่ 3 รวมถึงตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วก็ยังคงให้ผลตอบแทนที่โดดเด่น นำโดยตลาดสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นสูงถึง 26.9% ขณะที่สินทรัพย์โภคภัณฑ์และสินทรัพย์ทางเลือก เช่น น้ำมัน และ Global REIT ให้ผลตอบแทนสูงถึง 55.0% และ 28.7% ตามลำดับ ในส่วนของตลาดหุ้นในประเทศเกิดใหม่ยังคงเป็นปีที่มีความผันผวนอยู่มากโดยปรับตัวลดลง -4.6% เช่นเดียวกับสินทรัพย์ปลอดภัยในกลุ่มตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนรวมลดลงจากทิศทางการปรับขึ้นของดอกเบี้ยในตลาด ส่งผลให้มีผลตอบแทนติดลบในช่วง -1.4% ไปจนถึง -7.6%

          สำหรับปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงก็คือ ความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ และการกระจายวัคซีนที่รวดเร็วในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ที่ได้รับวัคซีนก่อนในปริมาณที่มากเมื่อเทียบกับประเทศเกิดใหม่ รวมถึงการที่รัฐบาลและธนาคารกลางยังคงมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่มาก ส่งผลให้เศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว จึงทำให้นักลงทุนเคลื่อนย้ายเงินออกจากสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างตราสารหนี้ไปลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น ในขณะที่ตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่ยังคงได้รับผลกระทบจากมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ที่เกิดจากความไม่ชัดเจนจากนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน ซึ่งได้เพิ่มความกังวลให้แก่นักลงทุนจึงได้ชะลอการเข้าลงทุนในตลาดเกิดใหม่ในปีที่ผ่านมา

          

          โดยในปี 2022 นี้ ภาพรวมการลงทุนยังคงมีความท้าทายอยู่หลายประการซึ่งเป็นทั้งความเสี่ยงและเป็นโอกาสการลงทุน และมีความเป็นไปได้ว่าในปี 2022 จะเป็นปีที่เปลี่ยนผ่านจากการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 (Pandemic) ไปสู่การเป็นโรคประจำถิ่น (Endemic) โดยจากสถานการณ์ล่าสุดการกลายพันธุ์ของเชื้อ COVID สายพันธุ์ Omicron มีบทวิเคราะห์หลายแหล่งชี้ว่าการติดเชื้อ Omicron นั้นมีความง่ายและรวดเร็ว แต่ระดับความรุนแรงของโรคก็ปรับลดลงจากการระบาดก่อนหน้าเป็นอย่างมากเช่นกัน และมีความเป็นไปได้ที่ประสิทธิภาพของการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันจะยังคงมีประสิทธิภาพในการป้องกัน และลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วยหนักจากเชื้อกลายพันธุ์ได้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทุกประเทศทั่วโลกสามารถกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างปกติ

          ดิฉันเชื่อมั่นว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะยังคงดำเนินต่อไป และสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นก็จะยังคงให้ผลตอบแทนที่ดีต่อเนื่องในปี 2022 นี้ ซึ่งเกิดจากแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในหลาย ๆ ตลาดที่ยังคงมีอัตราการเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยภายหลังการทยอยเปิดเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยเฉพาะกิจกรรมในภาคบริการที่ได้รับผลกระทบรุนแรงตั้งแต่เกิดการระบาดของ COVID อย่างไรก็ตาม ระดับผลตอบแทนของตลาดหุ้นอาจไม่ได้สูงมากเมื่อเทียบกับปี 2021 เนื่องจากแรงหนุนจากเดิมที่มาจาก 2 ภาคส่วนหลักทั้งนโยบายการเงินและการคลังได้เริ่มแผ่วลง โดยเฉพาะในส่วนของการอัดฉีดสภาพคล่องจากนโยบายการเงิน ดังเห็นได้จากการเริ่มลดขนาดการซื้อสินทรัพย์ (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ และการส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ ดังนั้นการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการใช้นโยบายการคลังของหลายประเทศใหญ่ทั่วโลก จึงยังคงเป็นปัจจัยผลักดันที่สำคัญอยู่ อาทิเช่น สหรัฐฯ ได้ประกาศแผนลงทุนภายใต้ Infrastructure Bills และโครงการ Build Back Better ยุโรปเริ่มเบิกจ่ายโครงการ EU Recovery Fund หรือรัฐบาลญี่ปุ่นที่อนุมัติแผนกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่เพิ่มเติมถึง 10% ของ GDP โดยการคัดเลือกธีมการลงทุนที่สอดคล้องกับสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีความสำคัญภายใต้ข้อจำกัดจากสภาพคล่องในระบบการเงินที่ลดลง    

          ส่วนสินทรัพย์อีกหนึ่งประเภทที่มองว่ายังคงมีโอกาสฟื้นตัวดีขึ้นในปี 2022 คือ REIT ในภูมิภาคเอเชียโดยเฉพาะในประเทศสิงคโปร์และไทย ที่ดัชนีราคายังเพิ่มขึ้นค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับ Global REIT และยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าช่วงก่อน COVID ค่อนข้างมาก จึงมองว่าการฉีดวัคซีนที่เร่งตัวขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา จะส่งผลให้การทยอยเปิดเมืองและการเปิดประเทศเป็นปัจจัยผลักดันภาคอสังหาริมทรัพย์ ทั้งกลุ่มค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า รวมไปถึงโรงแรมให้ฟื้นตัวขึ้นได้ในปี 2022 ซึ่งจะส่งผลให้อัตราค่าเช่าของกองทุนอสังหาริมทรัพย์และ REIT ในสิงคโปร์และไทยปรับเพิ่มขึ้น

          สำหรับตราสารหนี้ที่มีอายุการลงทุนยาว อาจจะมีความผันผวนสูงขึ้นในปี 2022 เนื่องจากทิศทางของอัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะเป็นแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง จากเศรษฐกิจที่กลับสู่สภาวะปกติและอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น กดดันให้ธนาคารกลางทั่วโลกต้องรีบขึ้นดอกเบี้ยนโยบายตาม อย่างไรก็ตาม การลงทุนในตราสารหนี้ยังเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุนนอกเหนือจากการลงทุนในหุ้นเพียงอย่างเดียว โดยแนะนำการลงทุนกลุ่มตราสารหนี้ระยะสั้น และ Credit ระยะสั้น ซึ่งนอกจากจะได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่ำแล้ว ยังได้รับผลตอบแทนส่วนเพิ่มจาก Credit Spread ที่สูงกว่าตราสารหนี้ภาครัฐ

          นอกจากนี้ ในส่วนของสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมันและทองคำ มองว่าสภาพคล่องในระบบที่ลดลง จะทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีโอกาสปรับขึ้นอย่างจำกัด โดยเฉพาะทองคำที่เป็นสินทรัพย์ไม่มีผลตอบแทนจากกระแสเงินสด ภายใต้ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นจึงทำให้ทองคำมีความน่าสนใจลดลง อย่างไรก็ตาม การจัดสรรเงินลงทุนบางส่วนในการกระจายการลงทุนไปในทองคำก็สามารถช่วยกระจายความเสี่ยงพอร์ตการลงทุนได้ดี หากเกิดเหตุการณ์ Risk off อย่างเช่น การระบาดของเชื้อ COVID สายพันธุ์ใหม่ที่มีความรุนแรงมากกว่าที่คาดเป็นต้น        

          ถึงแม้ว่าการลงทุนในปี 2022 จะมีความท้าทายอยู่มาก การที่สภาพคล่องในตลาดโลดลดลงสินทรัพย์ลงทุนอาจมีความผันผวนสูงขึ้น  เพราะฉะนั้นการลงทุนภายใต้ความเสี่ยงที่ตนเองรับได้จึงเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึงที่ด้วยนะคะ สุดท้ายนี้ก็ขออวยพรให้ทุกท่านประสบความสุข ความเจริญ สุขภาพแข็งแรง และเงินลงทุนงอกเงยยิ่ง ๆ ขึ้นไป แล้วพบกันใหม่ค่ะ

 

โดย  คุณนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส
        Chief Investment Officer สายการลงทุน​
        บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด​