CIO’s Talk ตอน “การเริ่มต้นใหม่ของวัฏจักรเศรษฐกิจ”

14 มกราคม 2564

          สวัสดีปีใหม่ค่ะท่านนักลงทุนทุกท่าน ดิฉันจำได้ว่าในเช้าวันใหม่ของช่วงเวลาเดียวกันนี้เมื่อต้นปีที่แล้วปี 2020 ดูเหมือนจะเป็นอีกหนึ่งปีปกติในชีวิตเหมือนทุก ๆ ปีที่ผ่านมาก่อนหน้านั้น ซึ่งในชีวิตการทำงานของดิฉันนั้น การลงทุนนั้นอยู่คู่กับความผันผวนโดยเสมอมา ในแวดวงการลงทุนเราได้เห็นความผันผวนของตลาดจนยอมรับว่าเป็นปกติในโลกของการลงทุนไปแล้ว ยกตัวอย่างเช่น ราคาน้ำมันเปลี่ยนแปลงไปตามความตึงเครียด - ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวตามตัวเลขตลาดแรงงาน หรือแม้กระทั่งราคาหุ้นที่ผันผวนตามผลประกอบการแบบ surprise มาก ๆ เป็นต้น

          แต่ปี 2020 ที่ผ่านมานั้น นับว่าเป็นปีที่แรกที่แม้ว่าจะเป็น “คนในวงการ” ก็เจอกับความผันผวนที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน เราเปิดต้นปีด้วยการโจมตีของสหรัฐฯ กับอิหร่าน จนหลายท่านกังวลถึงจุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 3 เราได้เห็นภาวะ capitulation ในเดือนมีนาคม ที่เป็นส่วนหนึ่งให้เกิดการเทขายของนักลงทุนจากความกังวลของ COVID-19 จากเมืองอู่ฮั่นที่ได้ลุกลามไปทั่วโลก ตลาดหุ้นหลายแห่งมีมูลค่าเฉลี่ยหายไปถึงเกือบหนึ่งในสามภายในเวลาเพียงหนึ่งเดือน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐหรือ bond yield ปรับตัวลดลงเป็นประวัติการณ์ หรือแม้กระทั่งตลาดน้ำมันที่เราได้เห็นราคาฟิวเจอร์สปรับตัวติดลบในช่วงกลางปี ซึ่งหมายความว่าผู้ถือสัญญาพร้อมจะส่งมอบกรรมสิทธิ์พร้อมแถมเงินให้กับผู้ซื้อ เป็นต้น

          ความบันเทิงเกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่นานอย่างต่อเนื่อง เมื่อธนาคารกลางหลัก ๆ ทั่วโลกพร้อมใจกันออกมาตรการช่วยเหลือทั้งการเงินการคลังออกมาแบบ “รัวๆ” และภายในช่วงประมาณเทศกาลสงกรานต์ เราก็ได้เห็นการฟื้นตัวของตลาดโลกนำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พุ่งทะยานสูงขึ้นมาจนถึงสิ้นปี โดยในห้วงของวิกฤตและโอกาสเหล่านี้เอง หลาย ๆ บริษัทไม่เพียงแต่ปรับตัวจนสามารถเอาตัวรอดวิกฤตมาได้เท่านั้น แต่บางบริษัทหรือบางสินทรัพย์นั้นก็ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในช่วงปีที่ผ่านมา ยกตัวอย่างเช่น ในสหรัฐฯ หุ้นของ Tesla มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 6 เท่าในปีนี้ จนมีมูลค่าบริษัทมากกว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เหลือในตลาดเกือบทั้งหมดรวมกัน หุ้นกลุ่ม Cyclical เองซึ่งเป็น laggard มาตั้งแต่ต้นปีก็ปรับตัวทะยานตามตลาดในไตรมาสสุดท้ายรับข่าววัคซีน COVID-19 ได้ด้วย เมื่อมองย้อนกลับไปแล้วก็นับว่าเป็นปีที่มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นมากกว่าใน 4-5 ปีก่อนนี้ที่มาผ่านรวมกันเสียอีก

          ท่ามกลางความวุ่นวายนี้เอง สิ่งหนึ่งที่ดิฉันดีใจที่ได้เห็นคือจุดเริ่มต้นของวัฏจักรทางเศรษฐกิจอีกครั้ง เราพอจะสามารถกล่าวได้ว่าตั้งแต่วิกฤตการณ์ Global Financial Crisis ในปี 2008 เราได้ผ่านวัฏจักรของการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ในช่วงเวลาประมาณ 12 ปีที่ผ่านมา และในปัจจุบันดัชนีชี้วัดหลาย ๆ อย่างก็ได้บ่งชี้ว่าเราได้ก้าวเข้าสู่จุดเริ่มต้นของวัฏจักรนี้อีกครั้ง

          อย่างไรก็ตามเรายังคงต้องสังเกตุวิวัฒนาการแห่งวัฏจักรนี้อย่างค่อยเป็นค่อยไปและรัดกุม เพราะตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมปีที่แล้วจนถึงปัจจุบันนั้น การฟื้นตัวของสินทรัพย์เสี่ยงหลาย ๆ ตลาด และกลุ่มสินทรัพย์นั้นมีการปรับตัวขึ้นมารวดเร็วมากท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง ปรากฏการณ์ตัวเลขที่สะท้อนสภาพตลาดได้วิ่งนำตัวเลขที่สะท้อนสภาพเศรษฐกิจไปอย่างรวดเร็ว คำถามก็คือท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มขยายตัวใหม่อีกครั้งแบบนี้ ได้เกิดสภาวะฟองสบู่ในบางตลาดขึ้นบ้างหรือยัง หรือหากที่จริงแล้วสภาพตลาดที่เราเห็นเป็นสิ่งที่ได้สะท้อนจากปัจจัยพื้นฐานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วไปเรียบร้อยแล้ว

          ข้อสังเกตที่น่าจะชัดเจนที่สุดด้านหนึ่งก็คือราคาของตัวสินทรัพย์เสี่ยงเอง ในกลุ่มธุรกิจที่ขึ้นและลงที่เป็นวัฏจักร เช่น ร้านอาหารและร้านค้าปลีก หรือไม่ว่าจะเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมันหรือทองแดง มีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นเมื่อธุรกิจอยู่ในช่วงขยายตัว มูลค่าหุ้นของกลุ่มธุรกิจเหล่านี้ลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงเดือนกุมภาพันธ์จนถึงช่วงกลางเดือนมีนาคมซึ่งเป็นช่วงที่เชื้อไวรัสมีการขยายตัวลุกลามไปทั่วโลก จนเป็นมาตรการ Global Lockdown เมื่อความยุ่งเหยิงและความมีชีวิตชีวาในเมืองต่าง ๆ ถูกแทนที่ด้วยความเงียบเหงาหดหู่และถนนที่ว่างเปล่า ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจึงได้เกิดขึ้นภายในห้วงเวลาเพียงแค่ไม่กี่วัน

          ภายหลังจากที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ถูกควบคุมได้จากมาตรการ Lockdown เราก็ได้เห็น “ฟ้าหลังฝน” ในหลาย ๆ ประเทศ ตามด้วยการฟื้นตัวอย่างของเศรษฐกิจอย่างช้า ๆ และค่อยเป็นค่อยไปอีกครั้ง และในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนเมื่อมีข่าวของความสำเร็จในการคิดค้นวัคซีนขึ้น หุ้นกลุ่มวัฏจักรเหล่านี้ก็ได้ปรับตัวทะยานแซงกลุ่มอื่น ๆ ในตลาดทันที อัตราค่าขนส่งตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มขึ้นสูงสุดตลอดกาล และในช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบเบรนท์ก็เพิ่มขึ้นทะลุ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคม เป็นต้น

          สัญญาณเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณที่ชี้วัดการกลับมาเริ่มต้นใหม่ของวัฏจักรเศรษฐกิจอีกครั้ง ซึ่งก็นับว่าอาจเป็นโอกาสการเข้าลงทุนที่ดีที่สุดในช่วงหลาย ๆ ปีมานี้ ยังไม่สายไปสำหรับใครที่ยังไม่เริ่มลงทุน และเป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในวัยเริ่มต้นทำงานค่ะ สวัสดีปีใหม่อีกครั้ง ขอให้ปีนี้เป็นปีวัวกระทิงสำหรับการลงทุนของทุกท่านนะคะ

 

โดย  คุณนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส
        Chief Investment Officer สายการลงทุน​
        บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด​