SHARE
“FED ประกาศทำ QE และลดอัตราดอกเบี้ย”
ตลาดหุ้นในสัปดาห์ที่ผ่านปรับตัวลดลง เนื่องจากความเสี่ยง COVID-19 และการปรับฐานลงของราคาน้ำมัน กระทบเสถียรภาพตลาดการเงินมากกว่าคาด โดยอัตราการติดเชื้อไวรัสมีความรุนแรงมากขึ้นและได้แพร่กระจายออกนอกประเทศจีนสู่ 100 กว่าประเทศทั่วโลก และล่าสุดองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศยกระดับความรุนแรงของ COVID-19 ขึ้นเป็นระดับ Pandemic (โรคระบาดครั้งใหญ่ของโลก) จากก่อนหน้าที่เป็น Epidemic (โรคระบาด) กดดันอุปสงค์ การผลิต และการท่องเที่ยวทั่วโลก ขณะที่กลุ่ม OPEC และพันธมิตร (Non-OPEC) ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันลดปริมาณการผลิตเพิ่มเติมได้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันลดลงแรงกว่า -30% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา คาดสถานการณ์เศรษฐกิจยังอ่อนแอต่อเนื่อง ทั้งนี้ธนาคารกลางหลายแห่งดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพื่อพยุงเศรษฐกิจกันอย่างพร้อมเพรียง
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต และภาคการบริการของสหรัฐฯ ปรับลดลงจากเดือนก่อน โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตในเดือนก.พ.อยู่ที่ 50.7 จุดปรับลดลงจากเดือนก่อนที่ 51.9 จุด ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการอยู่ที่ 49.4 จุด ปรับลดลงจากเดือนก่อนที่ 53.4 จุด สะท้อนการแพร่ระบาดของ COVID-19 มีแนวโน้มส่งผลผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากกว่าคาด
ตัวเลขส่งออกเดือนก.พ. ของจีนพลิกกลับมาหดตัวแรงที่ -17.2% YoY ต่ำกว่าตลาดคาดว่าจะหดตัว -16.2% YoY จากที่ขยายตัวมาโดยตลอด ซึ่งเป็นผลกระทบจากการออกมาตรการเข้มงวดของรัฐบาลจีนให้โรงงานต่างๆระงับการผลิตเป็นการชั่วคราว เพื่อแก้ปัญหาการระบาดเชื้อไวรัส ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและห่วงโซ่การผลิตจีนและประเทศคู่ค้าหยุดชะงัก
EIA ปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันโลก และเพิ่มคาดการณ์ปริมาณการผลิตจากลุ่ม OPEC หลังการเจรจาควบคุมปริมาณการผลิตระหว่างกลุ่ม OPEC และพันธมิตร (Non-OPEC) ล้มเหลว จากการคาดการณ์สะท้อนว่าตลาดน้ำมันโลกมีแนวโน้ม Oversupplied ในไตรมาสที่ 2 และ 3 ก่อนพลิกกลับเข้าสู่จุดสมดุลในไตรมาสที่ 4
Fed มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 100bps เป็น 0.00-0.25% นอกรอบการประชุมเป็นครั้งที่ 2 และระบุจะทำ QE เพิ่มอย่างน้อย 7 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในระยะข้างหน้า โดยการทำ QE จะเน้นการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลอย่างน้อย 5 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ และเข้าซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันอย่างน้อย 2 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ซึ่งยังไม่ได้ระบุอัตราการเข้าซื้อต่อเดือนและระยะเวลาสิ้นสุด
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติเพิ่มวงเงิน QE รวม 1.2 แสนล้านยูโร จนถึงสิ้นปี ซึ่ง ECB ระบุว่าจะเน้นเข้าซื้อหุ้นกู้เอกชน ขณะที่คงดอกเบี้ย Doeposit rate ไว้ที่ -0.5% และดำเนินการเข้าซื้อสินทรัพย์ที่อัตรา 2 หมื่นล้านยูโรต่อเดือนต่อไปอย่างไม่มีกำหนด เพื่อพยุงเศรษฐกิจจากผลกระทบ COVID-19
ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 50bps เป็น 0.25% ซึ่งนับเป็นการปรับลดดอกเบี้ยนอกรอบการประชุมเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจปี 2008 ท่ามกลางการระบาดของ COVID-19 ที่คาดจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างมาก
กลยุทธ์การลงทุน
“เพิ่มน้ำหนักการลงทุน” กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอลดิจิตอล (SCBDIGI)
“เพิ่มน้ำหนักการลงทุน” กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้น (SCBGHC)
“เพิ่มน้ำหนักการลงทุน” กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้น (SCBSFFPLUS)
“ขาย” กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ เครดิต ออพพอทูนิตี้ (SCBOPPA)
