SCBAM Market Insight : Report on Jan 6-10, 2020

6 January 2020

“อิหร่านชักธงแดงสู่ยอดเสาเหนือสุเหร่าจามคารานเพื่อส่งสัญญาณประกาศศึกกับสหรัฐฯ”

ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นส่วนใหญ่ยังคงปรับตัวดีขึ้น จากข่าวดีเรื่องสงครามทางการค้าที่มีแนวโน้มผ่อนคลายลง โดยทางสหรัฐฯ กับจีน จะมีการลงนามข้อตกลงการค้า Phase 1 ในวันที่ 15 ม.ค. 2562 และทั้งสองฝ่ายมีแนวโน้มที่จะเจรจาการค้า Phase 2 เพิ่มเติม ซึ่งประเด็นที่จะเจรจาใน Phase 2 คือ ด้านทรัพย์สินทางปัญญาและการถ่ายโอนความรู้ด้านเทคโนโลยี ประกอบกับในช่วงนี้ธนาคารกลางส่วนใหญ่ เช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารกลางจีน มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมผ่านการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยบวกต่อ Sentiment ของนักลงทุนในช่วงนี้

ในวันที่ 3 ม.ค. 2563 ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับ อิหร่านขึ้นอาจส่งผลต่อตลาดหุ้น ชนวนจากเกิดเหตุลอบสังหารนายพลคนสำคัญที่ของอิหร่านที่ประเทศอิรัก โดยคำสั่งของปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ นอกจากนี้ในวันที่ 5 ม.ค. 2563 คณะรัฐมนตรีอิหร่านได้ประกาศยุติการปฏิบัติตามข้อจำกัดในข้อตกลงนิวเคลียร์ที่เคยตกลงกันไว้ตั้งแต่สมัยรัฐบาลบารัก โอบามา ทำให้อิหร่านสามารถเพิ่มสมรรถนะในการวิจัยอาวุธนิวเคลียร์ต่อไป

อิหร่านประกาศตัวพร้อมสู้ศึกกับสหรัฐฯ ผ่านการชักธงแดงขึ้นสู่ยอดเสาเหนือสุเหร่าจามคาราน โดยประกาศศึกในวันที่ 5 ม.ค. 2563 ที่ผ่านมา ขณะที่ปธน. โดนัลด์ทรัมป์ ทวีตว่า “สหรัฐฯ วางเป้าหมายโจมตีสถานที่สำคัญของอิหร่านไว้แล้ว 52 แห่ง ซึ่งพร้อมจะโจมตีทันที หากอิหร่านเปิดฉากโจมตีชาวอเมริกันหรือผลประโยชน์ของสหรัฐฯ”

การลงมติถอดถอน ปธน. Trump ภายในเดือน ม.ค. อาจเป็นไปได้ยาก เนื่องจากพรรคฝ่ายค้าน Democrat ครองที่นั่งในชั้นวุฒิสภาไม่ถึงครึ่ง (45 จาก 100 ที่นั่ง) ทำให้การตัดสินว่า ปธน. Trump มีความผิดซึ่งต้องใช้เสียงถึง 2 ใน 3 มีความเป็นไปได้ต่ำ

PBoC ประกาศลดอัตราส่วนสำรองขั้นต่ำ (RRR) ลง 50bps มีผลวันที่ 6 ม.ค. เพื่อกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อและหนุนเศรษฐกิจ โดย RRR จะปรับลงเป็น 12.5% สำหรับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ และเป็น 10.5% สำหรับธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก ซึ่งการลด RRR ในครั้งนี้น้อยกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน ที่ PBoC ได้ลด RRR ลง 100bps สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลยังไม่เร่งผ่อนคลายนโยบาย เนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนลดลง

ดัชนี PMI ภาคการผลิตอย่างเป็นทางการเดือน ธ.ค. สะท้อนโมเมนตัมภาคการผลิตทั่วโลกที่ยังคงอ่อนแอ โดยดัชนี Global ปรับตัวลดลงเล็กน้อย 0.2 จุด เป็น 50.1 จุด จากยอดคำสั่งซื้อ และการจ้างงานปรับตัวลดลง นำโดยดัชนีของประเทศหลัก สหรัฐฯ: PMI ปรับตัวลดลงเล็กน้อย -0.2 จุด เป็น 52.4 จุด จีน: PMI Caixin ปรับตัวลดลง -0.3 จุด เป็น 51.5 จุด ขณะที่ ยูโรโซน: PMI ปรับตัวลดลง -0.6 จุด เป็น 46.3 จุด อยู่ในภาวะหดตัว

 

“อิหร่านชักธงแดงสู่ยอดเสาเหนือสุเหร่าจามคารานเพื่อส่งสัญญาณประกาศศึกกับสหรัฐฯ”

ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นส่วนใหญ่ยังคงปรับตัวดีขึ้น จากข่าวดีเรื่องสงครามทางการค้าที่มีแนวโน้มผ่อนคลายลง โดยทางสหรัฐฯ กับจีน จะมีการลงนามข้อตกลงการค้า Phase 1 ในวันที่ 15 ม.ค. 2562 และทั้งสองฝ่ายมีแนวโน้มที่จะเจรจาการค้า Phase 2 เพิ่มเติม ซึ่งประเด็นที่จะเจรจาใน Phase 2 คือ ด้านทรัพย์สินทางปัญญาและการถ่ายโอนความรู้ด้านเทคโนโลยี ประกอบกับในช่วงนี้ธนาคารกลางส่วนใหญ่ เช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารกลางจีน มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมผ่านการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยบวกต่อ Sentiment ของนักลงทุนในช่วงนี้

ในวันที่ 3 ม.ค. 2563 ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับ อิหร่านขึ้นอาจส่งผลต่อตลาดหุ้น ชนวนจากเกิดเหตุลอบสังหารนายพลคนสำคัญที่ของอิหร่านที่ประเทศอิรัก โดยคำสั่งของปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ นอกจากนี้ในวันที่ 5 ม.ค. 2563 คณะรัฐมนตรีอิหร่านได้ประกาศยุติการปฏิบัติตามข้อจำกัดในข้อตกลงนิวเคลียร์ที่เคยตกลงกันไว้ตั้งแต่สมัยรัฐบาลบารัก โอบามา ทำให้อิหร่านสามารถเพิ่มสมรรถนะในการวิจัยอาวุธนิวเคลียร์ต่อไป

อิหร่านประกาศตัวพร้อมสู้ศึกกับสหรัฐฯ ผ่านการชักธงแดงขึ้นสู่ยอดเสาเหนือสุเหร่าจามคาราน โดยประกาศศึกในวันที่ 5 ม.ค. 2563 ที่ผ่านมา ขณะที่ปธน. โดนัลด์ทรัมป์ ทวีตว่า “สหรัฐฯ วางเป้าหมายโจมตีสถานที่สำคัญของอิหร่านไว้แล้ว 52 แห่ง ซึ่งพร้อมจะโจมตีทันที หากอิหร่านเปิดฉากโจมตีชาวอเมริกันหรือผลประโยชน์ของสหรัฐฯ”

การลงมติถอดถอน ปธน. Trump ภายในเดือน ม.ค. อาจเป็นไปได้ยาก เนื่องจากพรรคฝ่ายค้าน Democrat ครองที่นั่งในชั้นวุฒิสภาไม่ถึงครึ่ง (45 จาก 100 ที่นั่ง) ทำให้การตัดสินว่า ปธน. Trump มีความผิดซึ่งต้องใช้เสียงถึง 2 ใน 3 มีความเป็นไปได้ต่ำ

PBoC ประกาศลดอัตราส่วนสำรองขั้นต่ำ (RRR) ลง 50bps มีผลวันที่ 6 ม.ค. เพื่อกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อและหนุนเศรษฐกิจ โดย RRR จะปรับลงเป็น 12.5% สำหรับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ และเป็น 10.5% สำหรับธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก ซึ่งการลด RRR ในครั้งนี้น้อยกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน ที่ PBoC ได้ลด RRR ลง 100bps สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลยังไม่เร่งผ่อนคลายนโยบาย เนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนลดลง

ดัชนี PMI ภาคการผลิตอย่างเป็นทางการเดือน ธ.ค. สะท้อนโมเมนตัมภาคการผลิตทั่วโลกที่ยังคงอ่อนแอ โดยดัชนี Global ปรับตัวลดลงเล็กน้อย 0.2 จุด เป็น 50.1 จุด จากยอดคำสั่งซื้อ และการจ้างงานปรับตัวลดลง นำโดยดัชนีของประเทศหลัก สหรัฐฯ: PMI ปรับตัวลดลงเล็กน้อย -0.2 จุด เป็น 52.4 จุด จีน: PMI Caixin ปรับตัวลดลง -0.3 จุด เป็น 51.5 จุด ขณะที่ ยูโรโซน: PMI ปรับตัวลดลง -0.6 จุด เป็น 46.3 จุด อยู่ในภาวะหดตัว