สวัสดีครับ เพื่อนๆ กลับมาพบกับผม มิสเตอร์กองทุนกันอีกแล้ว ช่วงนี้สภาพอากาศ แปรปรวนเหลือเกิน ฝนตกแป๊บเดียว เดี๋ยวก็แดดออกแล้ว เพื่อนๆ รักษาสุขภาพกันด้วยน้า
ช่วงที่ผ่านมา มีโอกาสได้ลางาน อยู่บ้าน 5 วัน นั่ง search หาข้อมูลการลงทุนไปเรื่อย เบื่อๆ ก็เช็ค Facebook ดูสักหน่อย โอ้โห... วันหยุดยาวทีไร หน้า Feed เนี่ยมีเรื่องให้มิสเตอร์กองทุนอิจฉาคนได้ไปเที่ยวทุกที มีแต่คน Check in หรือ Heading to Japan เต็มหน้า Feed ไปหมดเลย มีทั้งเที่ยว กิน shopping ไป Disneyland disneysea ชีวิตช่างฟรีดอมเสียนี่กระไร สงสัยรวยจากการเลือกลงทุนแบบถูกที่ และ มีการถ่วงน้ำหนัก จัดสรรพอร์ตอย่างดีนี่เอง
จะว่าไปญี่ปุ่น เป็นประเทศที่คนจะนึกถึงแรก ๆ เมื่ออยากไปเที่ยว เพราะเป็นประเทศที่มีเอกลักษณ์ สวยงาม มีหลากหลายภูมิภาค และแต่ละภูมิภาคก็มีเสน่ห์แตกต่างกันไป ไปครั้งเดียวไม่เคยพอ รู้หรือไม่ครับว่า เฉพาะนักท่องเที่ยวไทยในญี่ปุ่นเพิ่มสูงขึ้นถึง 1 ล้านคนเป็นครั้งแรกในปี 2561 โดยได้อานิสงส์จากการขยายเที่ยวบินระหว่างสองประเทศ ในปี 2560 นักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปญี่ปุ่นมีจำนวน 987,100 คน อยากรู้ไหมครับว่าประเทศไทยเป็นที่เท่าไหร่จากจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด ประเทศไทยเรามีนักท่องเที่ยวเข้าไปยังญี่ปุ่นมากที่สุดเป็นอันดับ 6 รองจากจีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง และสหรัฐฯ ครับ (ที่มา EIC Macro Monitor 08 มีนาคม 2561)
นอกจากเรื่องการท่องเที่ยวที่เกริ่นมาข้างต้น เศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่น ก็ไปได้สวยนะครับ โดยข้อมูลจาก EIC ได้กล่าวถึงประเทศญี่ปุ่น ดังนี้ครับ
นั่นเป็นภาพรวมที่ทำให้เราได้เห็นภาพรวมของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่อยู่ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ที่มีนักลงทุนให้ความสนใจกันอย่างมากครับ ส่วนใหญ่ที่กล่าวมาก็มีแต่ข้อดีใช่ไหมครับ จริงๆ ญี่ปุ่นก็มีความเสี่ยงอยู่เหมือนกันหากจะลงทุน ก็ต้องพิจารณาให้ดีนะครับ อาทิเช่น ภัยธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว หรือ สึนามิ ซึ่งแต่ละครั้งที่โดนก็หนักหนาสาหัส และต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวนานทีเดียว ตัวอย่างที่กล่าวมาเป็นเพียงเศษเสี้ยวของความเสี่ยงที่พอจะมองเห็นว่ามีอะไรจะเกิดขึ้นได้บ้าง
ดังนั้นสำหรับเพื่อนๆ ที่เห็นศักยภาพและอยากลงทุนแต่ไม่อยากต้องตามติดตลอดทั้งวัน เพื่อนๆ สามารถไว้ใจผู้จัดการกองทุนมืออาชีพที่บลจ.ไทยพาณิชย์ได้นะครับ เราบริหารกองทุนหุ้นญี่ปุ่น จนได้รับการจัดอันดับเป็นกองทุน 5 ดาว จาก Morningstar มาอย่างต่อเนื่อง ไปดูกันเลยครับ
กองทุนที่ 1 กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นญี่ปุ่น (ชนิดไม่จ่ายเงินปันผล) SCBNK225
อีกกองทุนหนึ่งคือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นญี่ปุ่น SCBNK225D (ชนิดจ่ายเงินปันผล) มีนโยบายการลงทุน และ ความเสี่ยง เหมือนกันแต่ไม่ได้สะสมมูลค่าเอาไว้ ดังนั้นถ้ากองทุนมีกำไร บลจ.ไทยพาณิชย์ ก็จะทยอยจ่ายเงินปันผลออกมาอย่างสม่ำเสมอ หากนักลงทุนอยากได้เงินคืนระหว่างการลงทุนในรูปแบบเงินปันผล ก็สามารถเลือกกองทุนที่ 2 นี้ได้ครับ
จากที่กล่าวมาทั้งหมด นี่คือความน่าสนใจในการลงทุนกับประเทศญี่ปุ่นครับ เพราะเศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งภาคการผลิตและภาคการบริโภค อีกทั้งญี่ปุ่นมีการใช้ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สามารถตอบสนองความต้องการได้ทั้้งภายในและต่างประเทศ ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิต เพิ่มโอกาสทำกำไรของธุรกิจนั่นเองครับ
ภาพที่ทำให้นักลงทุนเห็นด้านบนคือภาพของอุปสงค์ หรือ ความต้องการจากภายนอกประเทศ ที่จะทำให้เม็ดเงินไหลเข้าประเทศญี่ปุ่น เมื่อมีเงินสนับสนุนจากภายนอกประเทศ ก็จะทำให้ประเทศเติบโตขึ้นอย่างมีศักยภาพ คนภายในประเทศอยู่ดีกินดี ความกล้าในการจับจ่ายใช้สอยมีกันมากขึ้น ทางบลจ.ไทยพาณิชย์จึงเห็นโอกาสอันดีที่จะเปิดกองทุนที่ลงทุนในกองทุนหลัก ซึ่งเน้นลงทุนในบริษัทญี่ปุ่นขนาดเล็กมีสัดส่วนที่เป็นกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศญี่ปุ่น ไม่เกินเดือน มิ.ย. 2561 นี้ อย่าลืมติดตามข่าวกันนะคร้าบ
สำหรับวันนี้ การลงทุนทุกประเภท มีความเสี่ยง อย่าลืมว่า ต้องศึกษาข้อมูล ความเสี่ยง และ ยิ่งเป็นกองทุน ที่ลงทุนในต่างประเทศ ต้องคอยดูเรื่องความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วยนะครับ วันนี้ลาไปก่อน เดือนหน้าพบกันใหม่ ซาโยนาระคร้าบ
คำเตือน