COO’s Talk ตอน “ลดหย่อนภาษีกับกองทุนรวม”

18 กุมภาพันธ์ 2563

          นักลงทุนในยุคดิจิทัล นอกจากการปรับตัวให้ทันสมัยเข้ากับเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการลงทุนใหม่ๆ  เช่น การลงทุนผ่านแอพพลิเคชั่นในมือถือ แทนการไปธนาคาร การสอบถามข้อมูลผ่านทาง Chatbot หรือบริการ Robo Advisor ที่ช่วยแนะนำแผนการลงทุนแล้ว ยังต้องอัพเดทข่าวสารอย่างฉับไว แม้แต่การลงทุนที่คุ้นเคยในอดีต ปัจจุบันก็ปรับเปลี่ยนรูปแบบไป  เช่น กองทุนเพื่อประโยชน์ทางภาษี อย่างกองทุนรวมเพื่อการ  เลี้ยงชีพ (RMF) ที่เริ่มจัดตั้งครั้งแรกปี 2544 ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงสิทธิประโยชน์ทางภาษีและเงื่อนไขการลงทุนบางอย่างที่เป็นประโยชน์กับนักลงทุนมากขึ้น และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ( LTF ) ที่เริ่มจัดตั้งในปี 2547 และในปี 2562 ที่ผ่านมาเป็นปีสุดท้ายของการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งล่าสุดมีกองทุน Super Savings Fund (SSF) ออกมาใหม่ ดิฉันขอสรุปเปรียบเทียบกองทุนทั้ง 3 ประเภทมาให้ดูกันชัดๆ ดังนี้

          สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษี ควรพิจารณาว่ากองทุนประเภทใดตรงตามวัตถุประสงค์ และหากยังใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีไม่ครบ กองทุน SSF ถือเป็นอีกทางเลือกในการออมเงิน โดยข้อดีของกองทุน SSF คือ มีนโยบายการลงทุนที่หลากหลายกว่า LTF เพราะสามารถลงทุนทั้งหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ หรือเป็นกองทุนผสมการลงทุนได้ทุกหลักทรัพย์ อีกทั้งมีโอกาสได้รับเงินปันผล และยังสามารถเลือกลงทุนในกองทุน SSF ที่มีผลการดำเนินงานที่ดีและเปรียบเทียบได้ โดยนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนใน     กองทุนรวมที่มีการเพิ่มชนิด (share class) เป็น SSF ได้ เพื่อความมั่นใจก่อนลงทุน และไม่ต้องรอจนครบอายุ 55 ปีบริบูรณ์ เพียงลงทุนครบ 10 ปีในแต่ละครั้ง (นับแบบวันชนวัน) ก็สามารถขายคืนได้  ฟังดูน่าสนใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับผู้ลงทุนในวัยหนุ่มสาวเพิ่งเริ่มต้นทำงาน (อายุ 25-30 ปี) และวัยสะสมเงินทอง (อายุ 30 – 45 ปี) หากท่านอยู่ในวัย 45 ปีขึ้นไป การเลือกลงทุนใน SSF โดยมีระยะเวลาลงทุน 10 ปี กับการลงทุนใน RMF ที่ให้ถือครองจนครบอายุ 55 ปี จึงไม่มีความแตกต่างกัน ซึ่งการลงทุนใน RMF มีความยืดหยุ่นกว่า เพราะเมื่อได้ลงทุนครั้งแรกใน RMF ครบ 5 ปี ท่านจะสามารถขายคืนได้ทั้งหมดไม่ว่าลงทุนปีไหน  โดยไม่ต้องรอครบทีละรายการแบบ SSF

          สุดท้าย ไม่ว่าจะลงทุน SSF หรือ RMF ก็ตาม ถือเป็นทางเลือกในการลงทุนเพื่อการออมสำหรับอนาคต และยังได้สิทธิ์ลดหย่อนทางภาษี ดังนั้น ถ้าท่านเป็นคนหนึ่งที่พิจารณากองทุนเหล่านี้อยู่ ขอแสดงความยินดีด้วย เพราะท่านเป็นหนึ่งในกลุ่มคนจำนวนน้อยของประเทศไทย ที่จะมีเงินใช้ยามเกษียณอย่างเพียงพอ และเข้าใกล้คำว่าอิสรภาพทางการเงินมากที่สุดค่ะ  

 

 

โดย  คุณปิ่นสุดา ภู่วิภาดาวรรธน์
        Chief Operations Officer​
        สายวางแผน เทคโนโลยีและปฏิบัติการ​