CMO Talk : ลงทุนกองทุน LTF ครบ 7 ปีแล้ว ควรทำอย่างไรดี

10 มีนาคม 2565

       นักลงทุนที่ลงทุนในกองทุนรวมระยะยาว หรือ LTF เพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี มาตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งเป็นปีแรกที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการถือครองจาก 5 ปีปฏิทิน เป็น 7 ปีปฏิทิน ในปี 2565 นี้จะเป็นปีที่เงินลงทุนของท่านสามารถขายคืนได้ตามกำหนดเงื่อนไขการถือครอง บางท่านอาจพิจารณาคงเงินลงทุนไว้ในกองทุนเดิม เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนต่อเนื่องสำหรับเป้าหมายการออมระยะยาว และบางท่านอาจกำลังตั้งคำถามกับตัวเองว่า “LTF ที่ครบกำหนดจะทำอย่างไรดี ขายเลยดีมั้ย”

       ก่อนที่จะพิจารณาตัดสินใจ อาจลองตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่า 1) เรามีความจำเป็นใช้เงินก้อนนี้หรือไม่ ถ้ายังไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้เงินก้อนนี้ การคงเงินลงทุนไว้ต่อเนื่องก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ดี เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนสำหรับการออมระยะยาวต่อไป และ 2) โอกาสสร้างผลตอบแทนของกองทุน หากกองทุน LTF ที่ลงทุนอยู่สามารถสร้างผลตอบแทนย้อนหลังที่ดีมาต่อเนื่อง การคงเงินลงทุนไว้ในกองทุน LTF เดิม ก็น่าจะเป็นทางเลือกการลงทุนที่ดีเพื่อโอกาสสร้างผลกำไรให้กับพอร์ตได้ต่อเนื่องเช่นที่ผ่านมา

       นอกจากนี้ เรายังสามารถสานต่อเป้าหมายการลงทุนระยะยาวเพื่อชีวิตวัยเกษียณด้วยวิธีการดังนี้

• ปรับพอร์ตการลงทุนใหม่
เวลาเปลี่ยน พอร์ตการลงทุนก็อาจจะต้องปรับ เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์และเป้าหมายการลงทุนในแต่ละช่วงเวลา เราอาจจัดสรรเงินลงทุนในกองทุนLTF เดิม ไปลงทุนต่อยอดตามระดับความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ เช่น ปรับจากการลงทุนใน LTF ที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยล้วน ไปเป็นกองทุนผสม หรือกองทุนตราสารหนี้ กองทุนสินทรัพย์ทางเลือก เป็นต้น หรืออาจเลือกกระจายการลงทุนไปยังกองทุนต่างประเทศ หรือธีมการลงทุน Megatrends ต่าง ๆ ที่น่าสนใจในปัจจุบัน เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนให้พอร์ตเติบโต

• เดินหน้าลดหย่อนภาษี และวางแผนเพื่อการเกษียณ
ถึงแม้ว่าปัจจุบันการลงทุนในกองทุน LTF จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแล้ว แต่เราสามารถนำเงินลงทุนก้อนนี้ มาลงทุนต่อยอดเพื่อเป้าหมายการออมระยะยาวและสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่อเนื่องได้ ในกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ซึ่งมีให้เลือกครอบคลุมหลากหลายประเภทสินทรัพย์ ทั้งกองทุนหุ้น ตราสารหนี้ สินทรัพย์ทางเลือก ครอบคลุมทั้งไทยและต่างประเทศ

       สำหรับนักลงทุนที่ต้องการนำเงินลงทุนที่ครบกำหนดจากกองทุน LTF มาลงทุนต่อยอดเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่อเนื่อง แต่อาจจะยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกลงทุนในกองทุนไหนดี เราขอแนะนำกองทุน SSF: SCBS&P500-SSF และกองทุน RMF:  SCBRMS&P500 โดยทั้ง 2 กองทุนเน้นลงทุนในกองทุนหลัก iShares Core S&P 500 ETF ที่บริหารโดย BlackRock Fund Advisors ซึ่งมีการบริหารจัดการแบบ passive มีเป้าหมายที่จะสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี S&P500 และมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90

       สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการ ได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCBAM Client Relations โทร.02-777-7777 กด 0 กด 6 หรือผู้สนับสนุนการขายทุกราย

       ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้ยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน RMF/SSF กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขของกองทุน รวมถึงควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนตัดสินใจลงทุน

 

โดย คุณอาชวิณ อัศวโภคิน​
        Chief Marketing Officer สายการตลาดและช่องทางการขาย
        บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด