CIO’s Talk ตอน “ความน่าสนใจในตลาดทุน”

8 พฤษภาคม 2561

สวัสดีครับท่านนักลงทุนทุกท่าน ในช่วง 1 – 2 เดือนที่ผ่านมานี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวนในระดับสูงก่อนจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นเมื่อเข้าสู่ปลายเดือนเมษายน ดัชนีของตลาดหลักๆ อย่างเช่น S&P 500 ก็กลับมายืนอยู่ใกล้ระดับที่เปิดมาตอนต้นปี โดยในภาพรวมสินทรัพย์ที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจะเป็นตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ และกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในระดับ 3% ถึง 6% แต่สิ่งที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนคือ การปรับตัวลดลงของตลาดตราสารหนี้ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว อีกทั้งอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ปรับตัวขึ้นในระดับสูงสุดในรอบหลายปีที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นพันธบัตรที่มีอายุสั้นหรือยาวก็ตาม ซึ่งราคาของตราสารหนี้นั้นปรับตัวลดลงในช่วงเวลาที่อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น

หากดูให้ลึกลงไปก็จะเห็นได้ว่าการที่ตลาดหุ้นฟื้นตัวกลับมาได้นั้นมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ เช่น ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนซึ่งออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนทางการเมือง และถูกเทขายทำกำไรในบางช่วงเวลา แต่ผลประกอบการที่ดีดังกล่าวเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มูลค่าของหลักทรัพย์เมื่อเทียบกับรายได้นั้นกลับมาดูน่าสนใจและมีความสอดคล้องระหว่างราคาและแนวโน้มการเติบโตของผลประกอบการที่คาดว่าจะดีต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลังไปจนถึงต้นปีหน้า การปรับตัวดีขึ้นของปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญนี้เกิดขึ้นทั้งในตลาดหุ้นขนาดเล็ก Russell 2000 และตลาดหุ้น Nasdaq ที่มีบริษัทเทคโนโลยีจดทะเบียนอยู่มาก ทำให้ทั้ง 2 ตลาดนี้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าดัชนี S&P 500 หากยกตัวอย่างบริษัท Facebook ที่เรารู้จักกันดีซึ่งผลกำไรต่อหุ้นปรับเพิ่มขึ้นกว่า 60% จากไตรมาสแรกของปีที่แล้ว ก็จะพอเห็นถึงศักยภาพที่มีอยู่สูงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญนี้เป็นสิ่งสร้างความมั่นใจในการลงทุนในตราสารทุนโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ยังคงจะเป็นหัวใจสำคัญสำหรับเศรษฐกิจขาขึ้นในรอบนี้

นอกจากนี้ทิศทางของตลาดหุ้นหลักๆ ทั่วโลก เช่น ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน หรือแม้กระทั่งในตลาดหุ้นไทยเองก็มีแนวโน้มที่ดีขั้น โดยตลาดหุ้นไทยได้จากกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่มีผลประกอบการดีกว่าคาด ถึงแม้ว่าจะมีความน่าเป็นห่วงเรื่องผลกระทบด้านลบจากการแข่งขันลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัล สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไรที่ชัดเจนขึ้น และนักลงทุนก็กลับมาให้ความสนใจในหุ้นที่ราคามีการปรับตัวลงมาแต่ยังมีแนวโน้มของผลประกอบการที่ดีและ valuation ที่ไม่แพง

การลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศนั้นยังอยู่ในช่วงที่ยากลำบาก เนื่องจากสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะตราสารทุนนั้นมีปัจจัยหนุนในเรื่องของรายได้และกำไรที่ค่อนข้างดี สะท้อนถึงเศรษฐกิจที่น่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ความกดดันด้านเงินเฟ้อที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นจึงเกิดขึ้นตามมา สะท้อนว่าระดับอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันนั้นยังสูงไม่พอกับแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่จะนำมาซึ่งอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในอนาคต ดังนั้นความผันผวนในตลาดตราสารหนี้นั้นจะยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราคงต้องคอยจับตาดูการตอบสนองด้านนโยบายของเหล่าธนาคารกลางต่างๆ ว่าจะตอบสนองอย่างไรต่ออัตราการเติบโตของเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้นเร็วและแรงกว่าที่คาดไว้

ค่าเงินเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญ แม้ในช่วงที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีการส่งสัญญาณที่ชัดเจนเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มเติบโตดี แต่ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ กลับอ่อนค่าต่อเนื่องมาตลอดเกินกว่า 12 เดือน ทั้งนี้ การอ่อนค่าของค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ นั้นถือว่าเป็นการสร้างภาวะผ่อนคลายทางการเงินต่อระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯในระดับหนึ่ง และยังเป็นปัจจัยที่ทำให้ค่าเงินสกุลอื่นๆ รวมถึงค่าเงินบาทนั้นมีการแข็งค่าต่อเนื่องมาโดยตลอด

ด้านปัจจัยเสี่ยงที่น่าติดตามก็จะเป็นเรื่องของราคาน้ำมันซึ่งปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยอาจจะมีผลกระทบด้านลบตามมาต่อเศรษฐกิจของหลายๆ ประเทศที่มีการนำเข้าน้ำมันในระดับสูง รวมถึงประเทศไทยที่มีการนำเข้าน้ำมันเพื่อการผลิต และอุปโภคบริโภค ซึ่งหมายความถึงภาระรายจ่ายในระดับประเทศที่สูงขึ้นตามระดับราคาน้ำมันในตลาดโลก ปัจจัยเสี่ยงเรื่องราคาน้ำมันยังคงเป็นเรื่องที่ต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิดถึงแนวโน้มและความเป็นไปได้ว่าจะสามารถปรับขึ้นได้อย่างต่อเนื่องหรือไม่

โดยรวมแล้วตราสารทุนก็ยังถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุน โดยช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาก็ชี้ให้เห็นว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับราคาหุ้น ผมคิดว่าเมื่อรายได้และผลกำไรของหลายๆ ตลาดนั้นได้ทยอยประกาศออกมาเราน่าจะเริ่มเห็นความผันผวนที่ลดลง ซึ่งภาพรวมแล้วเรายังควรถือครองสินทรัพย์ประเภทนี้ และควรกระจายการลงทุนระหว่างหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศในระดับที่สมดุลกัน

Stay Invested นะครับ Outlook ข้างหน้าเริ่มปรับตัวดีขึ้นแล้ว และพบกันใหม่ฉบับหน้า สวัสดีครับ

 

โดย  คุณณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย
        กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน
        บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด