CIO’s Talk ตอน “จับตาตลาดประเทศกำลังพัฒนา”

7 กันยายน 2561

          สวัสดีครับท่านผู้ถือหน่วยลงทุน เวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงเดือนกันยายนแล้ว ภาพการลงทุนก็ยังคงมีความแตกต่างระหว่างประเทศในตะวันตกและประเทศที่กำลังพัฒนา ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ก็มีการปรับตัวสูงขึ้นที่จุด All time high ในขณะที่มีผลตอบแทน YTD อยู่ในระดับ 8-13% แต่การลงทุนในประเทศที่กำลังพัฒนาสะท้อนจากดัชนี MSCI Emerging Markets กลับติดลบถึง 12%

          สาเหตุก็มาจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นความกังวลในเรื่องของการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ความกังวลในเรื่องของการส่งผลให้เกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจ เมื่อดูจากแนวโน้มในการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ รวมถึงมาตรการในการขึ้นกำแพงภาษีซึ่งเป็นปัจจัยในเชิงลบต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลก

          หันมาดูตราสารหนี้ก็คงจะเป็นปีที่มีผลตอบแทนต่ำสุดปีหนึ่ง ไม่ว่าจะมองไปที่ตัวพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯเอง ก็มีผลตอบแทนคงที่ (flat) ถึงติดลบเล็กน้อย คงจะมีก็เพียงแต่ตราสารหนี้ที่เป็นกลุ่ม high yield และตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุต่ำกว่า 3 เดือนที่มีผลตอบแทนเป็นบวกได้ประมาณ 1-2%

          ส่วนทิศทางของอัตราแลกเปลี่ยนก็คงจะสอดคล้องถึงทิศทางของตลาดหุ้นของสองกลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา กล่าวคือ ในระยะสั้นนั้นค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้มีการแข็งค่ามาเป็นระยะเวลาหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วง 3 - 4 เดือนนั้นค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีการปรับตัวแข็งค่าเทียบกับตระกร้าเงินของสกุลเงินหลักๆ เกือบ 3% อย่างเช่นสกุลยูโร เป็นต้น ในขณะที่ภาพรวมของสกุลเงินในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาก็มีการอ่อนตัวของค่าเงินโดยเฉลี่ยใกล้เคียงระดับ -5%

          คำถามที่สำคัญก็คือแนวโน้มเหล่านี้จะดำเนินต่อไปอีกนานเท่าใด ข้อหนึ่งดูเหมือนว่าการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการเติบโตของรายได้บริษัทหลัก โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยี เช่น กูเกิ้ล หรืออเมซอน ยังไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนว่าจะมีอันสะดุดหยุดลงหรืออ่อนกำลัง ทำให้ Outlook ของตลาดหลักๆ (ตลาดสหรัฐฯ และตลาดประเทศพัฒนาแล้ว)  โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐฯ นั้นยังดูค่อนข้างแจ่มใส แต่ก็เริ่มมีมูลค่าหรือ valuation อยู่ในระดับที่สูงขึ้นเนื่องจากตลาดมีการปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่องกัน

         Smart Investors ที่มองหา Margin of Safety ก็ควรจะเพิ่มสินทรัพย์ที่มีราคาถูกกว่ามูลค่าพื้นฐานเพื่อเป็นกำแพงปกป้องเงินลงทุนของตัวเอง ผมเชื่อว่าการทยอยเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนารวมถึงตลาดหลักๆ ในภูมิภาคเอเชียที่ได้มีการปรับตัวลดลงมาอย่างมีนัยยะสำคัญ แต่หากทว่าเศรษฐกิจโลกยังคงเติบโตได้อยู่ในระดับปัจจุบันผมก็ยังเชื่อเหลือเกินว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจโดยรวมโดยเฉพาะตลาดประเทศกำลังพัฒนาคงไม่เลวร้ายอย่างที่ได้คาดการณ์กันไว้

         อย่างไรก็ตาม เราควรจะทยอยสะสมหุ้นในตลาดประเทศกำลังพัฒนารวมถึงประเทศไทยนะครับ Long term investors มองหาของถูกและทยอยสะสมเพื่อรอการฟื้นกลับที่จะสามารถลงทุนและฉวยจังหวะในเวลาที่ตลาดมีการปรับตัวลดลงเป็น margin of safety ของตัวเอง แล้วพบกันใหม่เดือนหน้าครับ สวัสดีครับ

 

โดย  คุณณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย
        กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน
        บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด