CIO’s Talk ตอน “จับสัญญาณเศรษฐกิจปีกุน”

7 มกราคม 2562

          สวัสดีปีใหม่ค่ะ ท่านผู้ถือหน่วย “ปีจอ” ผ่านไปแล้ว (ซักที) นับเป็นปีที่ปราบเซียนนักลงทุนหลายๆ ท่านนะคะ เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกรณี Trade War ซึ่งก็น่าจะยังคงอยู่กับเราไปอีกปีนี้ การเปลี่ยนผู้ว่าการธนาคารกลางและท่าทีของเฟดและ dot plot รวมถึงการเลือกตั้ง mid-term ในสหรัฐฯ ซึ่งได้เปลี่ยนดุลยภาพของคองเกรสอีกครั้ง การปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบ ตลอดจนล่าสุดก็คือความกังวลของกรณี Government Shutdown ของสหรัฐฯ จากการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศว่าจะไม่ยอมลงนามแผนงบประมาณที่ปราศจากงบประมาณในการสร้างกำแพงเมืองชายแดนเม็กซิโก

          สภาวะสุญญากาศของร่างงบประมาณในสหรัฐฯ นี้ เกิดจากความพยายามของทรัมป์ที่จะผลักดันแผนการสร้างกำแพงเมืองชายแดนเม็กซิโกซึ่งตนได้เคยประกาศไว้ในตอนหาเสียงเมื่อ 2 ปีก่อนให้สำเร็จให้ได้ในสภาคองเกรสในสมัยที่ 115 ให้ได้ เพราะสภาคองเกรสในสมัยนี้ซึ่งสิ้นสุดลงในวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมาจะเป็นสภาซึ่งพรรครีพับลิกันของทรัมป์ถือคะแนนเสียงข้างมากในทั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร และถือได้ว่าอาจเป็นสมัยคองเกรสที่เอื้อแก่ทรัมป์ที่สุดในการจะนำเสนอ แก้ไข หรือยกเลิกกฎหมายใดๆ โดยในสภาคองเกรสยุคใหม่ หรือสมัยที่ 116 เราจะเริ่มเห็นดุลยภาพของสภากลับมาอีกครั้งหลังจากพรรค Democrat สามารถกุมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนหรือ House of Representatives ได้สำเร็จ แม้ว่าพรรครีพับลิกันจะมีเสียงในวุฒิสมาชิกเพิ่มขึ้นอีกจากเดิน 51 เสียงเป็น 53 เสียงก็ตาม

          หากเราลองพิจารณาให้ลึกลงอีกสักนิด เราอาจได้เห็นความเสี่ยงด้าน regulatory risk ในการลงทุนในบาง sector ขึ้นมาบ้างเช่น sector Healthcare ซึ่งในอดีตความพยายามของทรัมป์ในการยกเลิกกฎหมาย Obamacare ก็เคยถูกโหวตปัดตกลงไปด้วยคะแนน 49 ต่อ 51 ในสมัยคองเกรสที่ 115 เดียวกันนี้โดยมีวุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันเองสามท่านไม่เห็นด้วย โดยแม้ว่าในวุฒิสภาสมัยที่ 116 หนึ่งในสามท่านนั้นซึ่งก็คือนายจอห์น แมคเคน วุฒิสมาชิกจากมลรัฐอริโซน่าจะเสียชีวิตไปแล้วแต่ นางลิซ่า เมอคอฟสกี นางซูซาน คอลลินส์วุฒิสมาชิกจากมลรัฐอลาสก้าและเมนที่จะยังคงดำเนินสถานะวุฒิสมาชิกต่อไปนั้นก็เริ่มที่จะสูญเสียความสำคัญในฐานะ Swing Factor น้อยลงเพราะจากการที่พรรครีพับลิกันจะได้รับเพิ่มอีกมาอีก 2 เสียง นั่นทำให้ความพยายามในการเสนอแก้กฎหมาย Obamacare ของทรัมป์อีกครั้งอาจสามารถทำได้ง่ายขึ้นอีกครั้ง เพราะต้องการเพียง 51 เสียงจาก 53 เสียงที่พรรครีพับลิกันมี แม้จะยังมีความเสี่ยงต่อการถูกขัดขวางด้วยกระบวนการ filibuster ก็ตาม

          เมื่อเรามองไปในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ดิฉันคิดว่าเราคงจะได้ยินได้ฟังในเรื่องของประเด็นเหล่านี้ในแวดวงข่าวการเงินการลงทุนกันมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ประเด็นเกี่ยวกับเรื่อง Trade war ก็คงจะกลายเป็น “ข่าวเก่า” แม้ว่าโลกของนักลงทุนดูเหมือนจะเริ่มเรียนรู้ที่จะดำเนินต่อไปร่วมกับข้อเท็จจริงที่ว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และคู่ค้า โดยเฉพาะจีนนั้นจะยังคงอยู่คู่กันไปอีกสักพักใหญ่ๆ เลยค่ะ

          อีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องติดตามอย่างมากก็คือเรื่องของราคาน้ำมันดิบซึ่งได้ปรับร่วงลงถึงประมาณ 44% ในช่วงระยะเวลาเพียงสามเดือน (ตุลาคม - ธันวาคม 2018) ที่ผ่านมานั้น ก็ได้ทำให้นักลงทุนทั่วโลกต้องหันกลับมาพิจารณาถึงความเสี่ยงตลอดจนการจัดสรรการลงทุนใหม่อีกครั้ง โดยการประชุมเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาดูเหมือนจะไม่มีความคืบหน้าในด้านของความร่วมมือในการร่วมกันปรับลดกำลังการผลิตเท่าใดนัก ในขณะที่การนัดหมายการประชุมในรอบถัดไปก็จะยังไม่เกิดขึ้นจนกระทั่งการประชุมครั้งที่ 176 ที่กรุงเวียนนาในช่วงสงกรานต์ที่จะถึงนี้

          ท่านนักลงทุนทุกท่านคะ แม้ว่าภาพของการลงทุนในปีกุนจะยังมีความไม่แน่นอนอยู่อีกมาก แต่เราก็ได้เริ่มเห็นพัฒนาการของสัญญาณทางเศรษฐกิจบางอย่างที่อาจจะ surprise หลายๆ ท่าน ไม่ว่าจะเป็นตัวเลข PMI ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดการขยายตัวและการหดตัวของธุรกิจในกลุ่มประเทศในตลาดเกิดใหม่ ซึ่งน่าจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสงครามการค้านั้นก็ได้กลับมาปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง สัญญาณเหล่านี้อาจเป็น early signs ที่ดีสำหรับการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ก็เป็นได้ และเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ตลาดก็ได้ให้ความสนใจและจับตามองอย่างใกล้ชิด

          สวัสดีปีใหม่ปีหมูอีกครั้งนะคะ หวังว่าการลงทุนก็จะเป็นเรื่องหมูๆ เช่นกันค่ะ (ไม่เหมือนปีที่แล้ว!)

 

โดย  คุณนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส
        รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน สายการลงทุน
        บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด