CIO’s Talk ตอน “ตลาดทุนไทย...ยังสดใสซาบซ่า”

31 พฤษภาคม 2560

          สวัสดีครับท่านผู้ถือหน่วยลงทุน สภาพการลงทุนโดยรวมตั้งแต่ต้นถึงเดือนพฤษภาคม โดยส่วนใหญ่เราก็ยังคงเห็นสินทรัพย์การลงทุนมีการปรับตัวสูงขึ้น ยกเว้นสินค้าโภคภัณฑ์หรือ Commodities โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่มีความผันผวน โดยปรับลดลงอยู่ในช่วงประมาณติดลบ 5% แต่ถ้าพิจารณาให้ลึกลงไปจะพบว่าสินทรัพย์ที่มีการปรับตัวได้ค่อนข้างดี ได้แก่ หุ้นนั่นเองครับ ตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่หรือตลาดหุ้นในภูมิภาคของเรานั้น สะท้อนโดยดัชนี MSCI Emerging Markets มีการปรับตัวสูงขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง โดยในปีนี้มีผลตอบแทน 5 เดือนที่ผ่านมาอยู่ในช่วงประมาณ 12-13% รองลงมาก็เป็นตลาดหุ้นในยุโรปที่ประมาณ 10% ซึ่งตลาดหุ้นโดยรวมในตลาดโลกเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 8% ตามมาด้วยตลาดสหรัฐฯ อยู่ที่ประมาณ 7% และยังมีทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยหรือ safe haven ก็มีผลตอบแทนสูงเช่นเดียวกันอยู่ที่ประมาณ 8-9%  สิ่งที่น่าแปลกใจไปกว่านั้นก็คือว่าผลตอบแทนของตราสารหนี้โดยเฉลี่ยมีการปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน แม้กระทั่งในยามที่ Fedมีแนวโน้มที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการสื่อสาร การให้ข้อมูลกับตลาดที่มีความเข้าใจและสร้างความคาดหวังในเรื่องของการขึ้นดอกเบี้ยจนกระทั่งมีการปรับตัวของนักลงทุนได้เป็นอย่างดีเพียงพอและไม่เกิดความตระหนกและเทขายพันธบัตรออกมาในตลาด อันนี้คงเป็นสิ่งที่น่าชมเชยในส่วนของ Fed 

          “แต่ถ้าจะมองไปในอนาคตส่วนที่เหลือของปีนี้ ผมก็ยังเชื่อว่าการลงทุนในตราสารทุนจะยังคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้ แม้ว่าจะมีความผันผวนในเรื่องของการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจจะมีการสัญญาเกี่ยวกับการดำเนินการทางการเมืองและเกิดความล่าช้าขึ้น ในเรื่องของการออกกฏหมายที่เกี่ยวกับการปฏิรูปด้านภาษีต่างๆ ซึ่งอาจจะทำให้ตลาดหุ้นในสหรัฐฯ มีความผันผวนในระยะสั้นหรือชะลอตัว แต่ก็คงไม่ได้เปลี่ยนทิศทางนัก”

          การเคลื่อนย้ายเงินทุนจากตลาดขนาดใหญ่ๆ มาสู่ตลาดในเอเชียยังคงมีความต่อเนื่องต่อไปโดยเฉพาะในตลาดหุ้นไทย การถือครองหุ้นในตลาดไทยของนักลงทุนต่างชาตินับว่าอยู่ในช่วงที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับระดับการถือครองในอดีต ในขณะเดียวกันค่าเงินบาทก็มีแนวโน้มที่จะแข็งขึ้นเล็กน้อยซึ่งจะส่งผลดีต่อการประเมินมูลค่าสินทรัพย์หากนักลงทุนต่างชาติมาลงทุนในตราสารหนี้หรือตราสารทุนในประเทศไทย

          ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ถือเป็นช่วงที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งที่ตลาดหุ้นไทยซึ่ง underperform ตลาดในประเทศเพื่อนบ้านหรือในเอเชีย อาจจะมีช่วงเวลาที่มีการ "แคชอัพ" หรือกลับขึ้นมาเข้าสู่ค่าเฉลี่ยของกลุ่ม ทั้งนี้คงต้องขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนซึ่งมีแนวโน้มที่ค่อนข้างดีในไตรมาสที่ 1 และความคาดหวังหากมีการขึ้นของอัตราผลกำไรได้ในระดับที่ใกล้เคียงกันในไตรมาสที่ 2 ก็ย่อมเชื่อได้ว่าความคาดหวังในช่วงที่เหลือของทั้งปีตลอดจนผลประกอบการในปี 2018 จะทำให้ระดับมูลค่าของตลาดไทยดูน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก

          อดทนกับตลาดการลงทุนในช่วงเวลานี้หน่อยนะครับ การถือครองหุ้นในปริมาณที่สูงกว่าสินทรัพย์อื่น เลือกซื้อกองทุน เลือกซื้อหุ้นที่มีกระแสเงินสด มีการจ่ายเงินปันผลในระดับหนึ่ง และเลือกหุ้นในขนาดเล็ก และขนาดกลางที่มีโอกาสเติบโตได้สูงกว่าตลาด จะเป็นทางออกที่ดีในการลงทุนครับ แล้วพบกันใหม่ในเดือนหน้าครับ สวัสดีครับ

 

โดย  คุณณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย
        กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน​
        บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด