CIO’s Talk ตอน “แนวโน้มและโอกาสการลงทุน”

16 มีนาคม 2561

สวัสดีครับท่านผู้ถือหน่วย เปิดศักราชใหม่ปี 2561 ตลาดหุ้นโดยรวมทั้งในและต่างประเทศยังจะดูมีความร้อนแรง แต่หากดูตลาดในระดับภูมิภาคจะเห็นได้ว่าตลาดกลุ่ม Emerging Markets โดยรวมทั้งเอเชียและลาตินอเมริกานั้น ภายในช่วงเวลาหนึ่งเดือนได้ปรับตัวขึ้นมาถึงเกือบ 10% ในขณะที่ตลาดหลักๆ ในประเทศพัฒนาแล้วโดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็น Nasdaq หรือในกลุ่ม S&P500 ก็โตได้ถึง 6-7% เช่นกัน

โดยรวมแล้วไม่ว่าจะเป็นดัชนีหุ้นโลก หรือแม้กระทั่งตลาดหลักๆ เช่น ญี่ปุ่นหรือยุโรปต่างก็ปรับตัวขึ้นและสะท้อนสภาพความเป็นจริงของผลประกอบการ บริษัทโดยรวมส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่เปลี่ยนไป โดยสามารถทำผลกำไรได้มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กล่าวกันว่าประมาณ 80% ของหุ้นในดัชนี S&P500 สามารถสร้างรายได้และผลกำไรได้มากกว่าที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา

ปัจจัยที่เรากำลังเผชิญอยู่ คือ ปัจจัยในเรื่องของการเติบโตขึ้นของผลกำไรเกินความคาดหมาย แต่ในขณะเดียวกันการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาย่อมสร้างความกังวลในเรื่องของ valuation หรือความถูกความแพงของราคาหุ้น

วันนี้ผมจึงอยากจะมาเล่าเรื่องให้ฟังว่า เมื่อเกือบห้าสิบปีที่ผ่านมา อาชีพของนักลงทุน หรือผู้จัดการกองทุน หรือแม้กระทั่ง CIO ก็ได้เผชิญปัญหาและคำถามเดียวกันเช่น “ตลาดหุ้นมีถูกแล้ว จะถูกได้อีกไหม?” “ตลาดหุ้นแพงแล้ว จะแพงได้อีกไหม?” ผมอยากฝากข้อคิดไว้เท่านี้ครับว่า valuation เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปตามมูลค่าการเปรียบเทียบของของหลายๆ สิ่ง ตลาดหุ้นไทย อาจจะมีค่า P/E ต่ำกว่าตลาดหุ้นในหลายๆ ประเทศทั่วโลก ตราบใดที่ตลาดหุ้นยังปรับขึ้น ตลาดไทยก็จะดูมีมูลค่าถูกและน่าเข้าลงทุน เพราะว่ามี discount จากตลาดอื่นๆ

 

 

ตรรกะนี้เองได้แสดงให้เห็นว่าที่แท้จริงแล้ว valuation นั้นไม่สำคัญเท่ากับแนวโน้ม หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Trend is your friend ตราบใดที่เรายังถือสินทรัพย์เสี่ยงและแนวโน้มในการปรับขึ้นยังเป็นไปโดยต่อเนื่อง ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งครับว่า เรากำลังนำเงินลงทุนมุ่งเข้าสู่เป้าหมายที่เราต้องการ แน่นอนว่าในเรื่องของ speed หรือความรวดเร็วนั้นเป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ยากลำบาก ดังนั้นในช่วงเวลาที่ดีของไตรมาสแรกของปีนี้ ผมเชื่อว่ากลยุทธ์ในการเข้าถือและครอบครองสินทรัพย์เสี่ยงไว้หรือกลยุทธ์ที่เรียกว่า Buy and Hold นั้นจึงเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุดในช่วงเวลานี้

สำหรับท่านที่ยังไม่ได้ลงทุน ผมคิดว่าถ้าเราไม่สามารถคาดการณ์อนาคต 100% เราควรทยอยที่จะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ในขณะเดียวกันก็มีความระมัดระวังในเรื่องของตราสารหนี้ โดยเฉพาะตราสารหนี้ในต่างประเทศนั้นธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด นั้นก็มีแนวโน้มที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างชัดเจน อาจจะมีผลกระทบต่อราคาในระยะสั้นทำให้การลงทุนในพันธบัตรจะต้องมีความระมัดระวัง อย่างไรก็ตามการลงทุนในพันธบัตรระยะสั้นที่มีอายุประมาณ 2 ปีหรือต่ำกว่าคงจะมีผลกระทบไม่มาก เพราะว่าการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนั้นยังคงเป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ผมขอสรุปสั้นๆ นะครับว่า สิ่งสำคัญ คือ Trend is your friend ลงทุนกันต่อนะครับ อย่ากลัวในเวลาที่ดีที่สุดของการลงทุน

แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้งนะครับ  สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการ ได้ที่ SCBAM Call Center โทร.02-777-7777 กด 0 กด 6 หรือผู้สนับสนุนการขายทุกราย

แล้วพบกันใหม่เดือนหน้า สวัสดีครับ

 

โดย  คุณณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย
        กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน​
        บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด