ลงทุนก้าวที่สองต่อจากฝากแบงก์ ...เปลี่ยนรูปแบบการเก็บเงิน พร้อมโอกาสรับรายได้สม่ำเสมอ

มีผู้ลงทุนหลายท่านที่สนใจอยากเริ่มลงทุน แต่ก็ไม่อยากลงทุนในตลาดหุ้นซึ่งความเสี่ยงสูงด้วยตนเอง เลยทำได้แค่เพียงฝากเงินแบบออมทรัพย์ไปเรื่อยๆ แต่ตอนนี้ บลจ.ไทยพาณิชย์ มีกองทุนตัวใหม่ที่ความเสี่ยงไม่สูงนักและเน้นจ่ายรายได้สม่ำเสมอ(1) แถมสูงกว่าการฝากเงินแบบออมทรัพย์(2) นั่นคือ การลงทุนในกองทุน SCBGPLUS และ SCBPLUS มาแนะนำ ซึ่งกองทุนนี้ เหมาะสำหรับ.......

ข้อมูลกองทุน กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล
อินคัมพลัส (SCBGPLUS)
กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ อินคัมพลัส (SCBPLUS)
ทำไมต้องลงทุน :
  • เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีเงินลงทุนสูง หรือผู้ลงทุนสถาบัน
  • ลดความเสี่ยงมีการกระจายการลงทุน โดยลงทุนในกองทุนหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก
  • โอกาสรับรายได้ทุกเดือน ((2) Auto redemption ปีละไม่เกิน 12 ครั้ง) และมีนโยบายการปรับสัดส่วนการลงทุนตามสภาวะเศรษฐกิจและการลงทุน
  • กองทุนสตรอง! เพราะลงทุนในกองทุนหลัก Deutsche Invest I Multi Opportunities ซึ่งมีผลการดำเนินงานโดดเด่นต่อเนื่องตั้งแต่จัดตั้งกองทุน
  • เหมาะสำหรับนักลงทุนรายย่อย
  • เน้นลงทุนตราสารที่ให้ผลตอบแทนสูงและสม่ำเสมอ ในสินทรัพย์หลากหลายภายในประเทศ เช่น ตราสารหนี้ เงินฝาก หน่วยลงทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุน REITs รวมไปถึงลงทุนในหุ้นกู้เอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับลงทุนได้ขึ้นไป
  • เน้นให้มีรายได้จากการลงทุนระหว่างทางให้นักลงทุน เพื่อเป็นทางเลือกเสริมในสภาวะที่ตลาดตราสารหนี้ถดถอย
  • กองทุนเน้นจ่ายรายได้สม่ำเสมอ ((2)Auto redemption ปีละไม่เกิน 4 ครั้ง)

 

นโยบาย การลงทุน :

เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ได้แก่ Deutsche Invest I Multi Opportunities (กองทุนหลัก) ชนิดหน่วยลงทุน (share class) USD LDMH สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) กองทุนหลักบริหารโดย Deutsche Asset & Wealth Management S.A. จดทะเบียนภายใต้กฎหมายของประเทศลักเซมเบิร์ก และอยู่ภายใต้ UCITS

กองทุนหลักมีนโยบายสร้างผลตอบแทนในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยเมื่อเปรียบ เทียบกับกลุ่มกองทุนประเภทเดียวกัน โดยกองทุนอาจลงทุนในตราสารทุน, interest bearing securities,ใบสำคัญแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่าง ๆ, หน่วยลงทุน, ตราสารอนุพันธ์, หุ้นกู้แปลงสภาพ, ตราสารตลาดเงิน หรือเงินสด เป็นต้น นอกจากนี้กองทุนหลักจะลงทุนอย่างน้อย 51% ของมูลค่าสินทรัพย์ในหน่วยลงทุนของกองทุนประเภทต่าง ๆ เช่น กองทุนตราสารทุน กองทุนผสม กองทุนตราสารหนี้ และกองทุนตลาดเงิน เป็นต้น

กองทุนมีนโยบายกระจายการลงทุนในตราสารแห่งทุน ตราสารแห่งหนี้ เงินฝาก หน่วยลงทุนของกองทุน เช่น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ หน่วยทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และ/หรือกองทุนอีทีเอฟ (ETF) เป็นต้น

กองทุนสมารถพิจารณาปรับสัดส่วนการลงทุนได้ตั้งแต่ร้อยละ 0 ถึงร้อยละ 100 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนและตามความเหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ โดยกองทุนสามารถลงทุนในต่างประเทศไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ความเสี่ยง
จากอัตราแลกเปลี่ยน :
กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามความเหมาะสมสำหรับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน อนึ่ง เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้

ในส่วนของการลงทุนในต่างประเทศ กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามความเหมาะสมสำหรับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการลงทุน

นโยบายการรับซื้อคืนอัตโนมัติ :  กองทุนมีเงื่อนไขรับซื้อคืนอัตโนมัติ (Auto redeem) ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่เกินปีละ 12 ครั้ง กองทุนมีเงื่อนไขรับซื้อคืนอัตโนมัติ (Auto redeem) ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่เกินปีละ 4 ครั้ง
การลงทุน : ซื้อครั้งแรก 550,000 บาท / ครั้งถัดไปเพียง 1,000 บาท ซื้อครั้งแรก 5,000 บาท / ครั้งถัดไปเพียง 1,000 บาท
ระดับความเสี่ยง :  ความเสี่ยงระดับ 5 (กองทุน Feeder Fund) ความเสี่ยงระดับ 5 กองทุนผสมแบบไม่กำหนดสัดส่วนในตราสารแห่งทุน
เอกสารกองทุน

หมายเหตุ : (1) กองทุนมีเงื่อนไขรับซื้อคืนอัตโนมัติ (Auto redeem) ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนตามนโยบายของแต่ละกองทุน
                (2) อ้างอิงจากอัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนของแต่ละกองทุน